“บริทาเนีย” ชำระคืนหุ้นกู้ครบกำหนดมูลค่า 994.90 ล้านบาท ในวันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เต็มจำนวน สะท้อนถึงความสามารถในการชำระหนี้ พร้อมปิดการขายหุ้นกู้ 3 ชุด รวม 850 ล้านบาท ตามเป้าหมาย หลังนักลงทุนให้การตอบรับจองซื้อหุ้นกู้เป็นอย่างดี ยืนยันเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานบริษัท และโชว์ความสำเร็จ Sold Out 100% 3 โครงการ รวมมูลค่า 3,650 ล้านบาท เตรียมต่อยอดโมเมนตัมด้วยการเปิดโครงการ GRAND BRITANIA RAYONG รองรับดีมานด์คุณภาพในทำเลศักยภาพภาคตะวันออก พร้อมมองข้ามช็อตด้วยแนวคิด Vision Valley วิสัยทัศน์ที่มากกว่าธุรกิจผ่านโปรเจกต์ THE BRILLIANT การลงทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ “Mixed-use Residence” ขับเคลื่อนอนาคตนำร่อง 6 ทำเลศักยภาพ

ดร.ศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาโครงการบ้านจัดสรร ภายใต้แนวคิด “CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก” เปิดเผยว่า บริษัทมีความสามารถในการชำระคืนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดได้มาอย่างต่อเนื่องทุกรุ่น โดยล่าสุดบริษัทได้ชำระหุ้นกู้ที่ครบกำหนดในรอบ 22 พฤศจิกายน 2568 ครบเต็มจำนวน 994.90 ล้านบาทตามกำหนด สะท้อนถึงความพร้อมในการชำระหนี้ และมีสภาพคล่องที่ยังแข็งแกร่ง

อีกทั้งประสบความสำเร็จจากการเสนอขายหุ้นกู้ที่เปิดขายเมื่อวันที่ 11-13 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา โดยมีนักลงทุนทั่วไป และนักลงทุนสถาบัน (Public Offering: PO) ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทำให้สามารถปิดการเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อ ประเภทมีและไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ รวมจำนวน 3 ชุด มูลค่าเสนอขายรวม 850 ล้านบาท กำหนดชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ดังนี้ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 1 ปี 6 เดือน ไม่มีประกัน อัตราดอกเบี้ย 5.80% ต่อปี ครบกำหนด 13 พฤษภาคม 2570 หุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 2 ปี 6 เดือน ไม่มีประกัน ดอกเบี้ย 5.95% ต่อปี ครบกำหนด 13 พฤษภาคม 2571 และหุ้นกู้ชุดที่ 3 อายุ 2 ปี 6 เดือน ประเภทมีประกัน และ Call Option ดอกเบี้ย 5.75% ต่อปี ครบกำหนด 13 พฤษภาคม 2571 ได้รับการจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือที่ระดับ “BBB” แนวโน้ม “Negative” เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด

“ความสำเร็จการขายหุ้นกู้ครั้งนี้ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานของบริษัท และเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงิน บริษัทขอขอบพระคุณนักลงทุนทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจ ให้การตอบรับเกินความคาดหมาย บริษัทจะนำเงินที่ได้ในครั้งนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” ดร.ศุภลักษณ์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการปิดการขาย (Sold Out) 100% 3 โครงการตั้งอยู่ใน 3 ทำเลศักยภาพที่ตอบโจทย์ตลาดอย่างแท้จริงรวมมูลค่า 3,650 ล้านบาท ประกอบด้วย ไบรตัน คูคต สเตชั่น (BRIGHTON KHUKHOT STATION), บริทาเนีย บางนา กม.42 (BRITANIA BANGNA KM.42) และบริทาเนีย ราชพฤกษ์-นครอินทร์ (BRITANIA RATCHAPHRUEK – NAKHON IN) พร้อมกันนี้ บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาโครงการเพื่อตอกย้ำกลยุทธ์ CRAFTED EXPANSION ด้วยการยกระดับการบริการหลังการขาย และการใช้ชีวิตของลูกบ้านด้วยหลากหลายบริการครบวงจร เพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชัน และดีไซน์แก่ผู้อยู่อาศัยรู้สึกถึงความสุข ความภูมิใจ รวมถึงคุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ ทั้งโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนาและขายในปัจจุบัน 42 โครงการ รวมถึงเตรียมเปิดโครงการใหม่ 1 โครงการ มูลค่า 450 ล้านบาท ได้แก่ แกรนด์ บริทาเนีย ระยอง (GRAND BRITANIA RAYONG) เพื่อส่งต่อประสบการณ์การอยู่อาศัยที่เต็มไปด้วย “ความรัก ความตั้งใจ และความพิถีพิถัน” ในทุกรายละเอียดของการใช้ชีวิต

และเพื่อเพิ่มคุณค่าและผลตอบแทนอย่างยั่งยืน บริทาเนีย มองเห็นโอกาสการลงทุนอสังหาริมทรัพย์รูปแบบใหม่ “Mixed-use Residence” ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แนวคิด THE BRILLIANT – A Curated Business Landscape ที่ต่อยอดจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยสู่โครงการเชิงธุรกิจในทำเลศักยภาพ เบื้องต้นจะนำร่องใน 6 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา, รามคำแหง, สุขุมวิท-บางนา, ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์-พระราม 5, เจ้าพระยาริเวอร์ฟร้อนท์

บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI : เป็นผู้พัฒนาบ้านจัดสรรภายใต้คอนเซปต์ CRAFT a life you love ดีที่สุดคือใช้ชีวิตในแบบที่รัก พัฒนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านซีรีส์ใหม่ ทาวน์โฮม ครอบคลุมผู้บริโภคทุกเซ็กเมนท์ ภายใต้ 5 แบรนด์ ได้แก่ 1. เบลกราเวีย (Belgravia) บ้านเดี่ยวลักชัวรี ระดับราคา 20-50 ล้านบาท 2. แกรนด์ บริทาเนีย (Grand Britania) บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดระดับ High-End ราคา 8-20 ล้านบาท 3. บริทาเนีย (Britania) บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับ Mid-end ราคา 4-8 ล้านบาท 4.ไบรตัน (Brighton) บ้านแฝด และทาวน์โฮม ระดับเริ่มต้น (Entry) ราคา 2.5.-4 ล้านบาท 5. บัลโค (Balco) บ้านพักตากอากาศระดับ Luxury ราคา 32-60 ล้านบาท โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2568 พัฒนาโครงการมาแล้วทั้งสิ้น 49 โครงการ คิดเป็นมูลค่าโครงการสะสม 64,058 ล้านบาท