SCGP เผยไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 953 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% หลังต้นทุนวัตถุดิบหลักปรับลดลง ขณะยอดขายชะลอตัวจากราคาขายที่ปรับลดลง ส่งผล 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 2,863 ล้านบาท ลดลง 24% พร้อมทุ่มงบ 956 ล้านบาท เทคโอเวอร์ "MYPAK"ผู้ผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกในอินโดนีเซีย บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP รายงานผลดำเนินงานไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 953.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 65% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 577.34 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบหลักที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ในประเทศอินโดนีเซีย ไตรมาสนี้ รายได้จากการขายรวม 30,438 ล้านบาท ลดลง 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลง 4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากราคาขายที่ปรับลดลง ขณะที่ปริมาณการขายสามารถขยายตัวได้เพิ่มขึ้น EBITDA เท่ากับ 4,154 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน โดยมี EBITDA margin 14% 
ส่วนงวด 9 เดือน มีกำไรสุทธิ 2,862.89 ล้านบาท ลดลง 24% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,755.66 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 3%
รายได้จากการขายรวม 94,204 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากราคาขายที่ลดลงในสายธุรกิจ บรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร และสายธุรกิจเยื่อและกระดาษ ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มราคาตลาดในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ปริมาณขายปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการภายในประเทศของภูมิภาคอาเซียน EBITDA เท่ากับ 12,643 ล้านบาท ลดลง 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA margin เท่ากับ 13% มีต้นทุนขายเท่ากับ 77,198 ล้านบาท ลดลง 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นต้นทุนขายของสายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร 58,176 ล้านบาท สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ 17,231 ล้านบาท และธุรกิจรีไซเคิล 5,049 ล้านบาท ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทได้จัดหาวัตถุดิบจากแหล่งภายในประเทศประมาณ 65% ผ่านศูนย์จัดการวัสดุรีไซเคิลและเครือข่ายพันธมิตร 182 แห่ง พร้อมทั้งนำเข้าวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศประมาณ 35% จากยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และโอเชียเนีย นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาความสามารถในการจัดหาผ่านเครือข่ายในธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์ ประกอบด้วย Peute ในประเทศเนเธอร์แลนด์ และ Jordan Trading ในสหรัฐอเมริกา ช่วยเสริมความมั่นคงในการเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบ RCP และสร้างความยืดหยุ่น ในการจัดการสัดส่วนวัตถุดิบระหว่างในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ SCGP ได้แจ้งลงนามในสัญญาซื้อหุ้นแบบมีเงื่อนไขเพื่อเข้าถือหุ้นสามัญในสัดส่วน 100%% ใน PT Prokemas Adhikari Kreasi (MYPAK) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีมูลค่ากิจการรวมไม่เกิน 455 พันล้านรูเปียห์ หรือประมาณ 956 ล้านบาท โดยจะเป็นการเข้าถือหุ้นเมื่อกระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้น โดย 2 บริษัทใน SCGP ได้แก่ 1) TCG Solutions Pte. Ltd. (TCGS) บริษัทย่อยที่บริษัทกลุ่มสยามบรรจุภัณฑ์ จำกัด บริษัทร่วมทุนระหว่าง SCGP และ Rengo Company Limited ประเทศญี่ปุ่ และ 2) บริษัทสยามคราฟท์อุตสาหกรรม จำกัด (SKIC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดย TCGS และ SKIC จะถือหุ้นใน MYPAK ในอัตราส่วน 60:40 ตามลำดับ โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกระบวนการเข้าซื้อกิจการ รวมทั้งการดำเนินการ ตามเงื่อนไขบังคับก่อนการโอนหุ้น ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2568 MYPAK เป็นหนึ่งในบริษัทผู้ผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกชั้นนำในประเทศอินโดนีเซีย โดยมีฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทข้ามชาติและแบรนด์สินค้าชั้นนำในตลาดอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าอุปโภคบริโภคในประเทศ อินโดนีเซีย ฐานการผลิตตั้งอยู่ที่เมือง Bekasi ทางตะวันตกของเกาะชวใกล้กับฐานการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ของ PT Fajar Surya Wisesa Tbk. (Fajar) และโรงงานผลิตบรรจุภัณฑ์จากเยื่อและกระดาษอื่น ๆ ของ SCGP ในปี 2567 MYPAK มีรายได้ 846 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 1,777 ล้านบาท) และทรัพย์สิน 1,272 พันล้านรูเปียห์ (ประมาณ 2,670 ล้านบาท) โดยมีกำลังการผลิตกล่องกระดาษลูกฟูกคุณภาพสูงอยู่ที่ 144,000 ตัน ต่อปี

|