
ปี 2555 ช่วงที่รัฐบาลเปิดโควต้าโครงการพลังงานหมุนเวียน ทั้งโซลาร์ (Solar) พลังงานลม (Wind) และโครงการสนับสนunknownนแบบแอดเดอร์ (Adder – เงินอุดหนุนไฟฟ้าพลังงานสะอาด) ทำให้หลายบริษัทหันมาสนใจพลังงานสะอาดมากขึ้น บางจากเป็นหนึ่งในหัวขบวน เริ่มก้าวแรกโดยการเข้าร่วมโครงการโซลาร์ฟาร์ม (Solar Farm) ในไทย และศึกษาศักยภาพพลังงานลม เพราะเชื่อว่าพลังงานหมุนเวียนคือ “ประตูแห่งอนาคต” ที่จะพาธุรกิจหลุดพ้นจากโลกน้ำมันในวันหนึ่ง เพื่อก้าวสู่ทิศทางใหม่ของโลกพลังงาน
หลังปี 2556 กระแสพลังงานสะอาดเริ่มพุ่งแรงทั่วโลก โดยเฉพาะหลังความตกลงปารีส (Paris Agreement) ปี 2015 ที่สมาชิก 195 ประเทศทั่วโลกตกลงร่วมกันลดการปล่อยคาร์บอน ขณะเดียวกัน ราคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cost) ทยอยลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ถูกลงมากกว่าที่คาด

บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ที่ทำธุรกิจน้ำมัน เห็นว่า “พลังงานสะอาดไม่ใช่โครงการเพื่อสังคม (CSR – Corporate Social Responsibility)” แต่คือ “ธุรกิจหลักใหม่ (New Core Business)” ที่มีอนาคตจริง จึงเริ่มขยายการลงทุนไปยังโซลาร์ในญี่ปุ่น พลังน้ำ (Hydropower) พลังลม (Wind) และเทคโนโลยีพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Technology) เพื่อเตรียมพาธุรกิจหลุดจากการผูกติดกับน้ำมันในอนาคตระยะยาว
ปี 2559 คือ “เส้นแบ่งยุค” ของ BCP บริษัทตัดสินใจตั้งธุรกิจพลังงานหมุนเวียนแยกออกมาเป็น บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เน้นการบริหารที่คล่องตัวและรวดเร็วกว่า กล้าตัดสินใจมากกว่าการอยู่ภายใต้บริษัทแม่ โดย BCP ถือหุ้นใหญ่ราว 57.81%
BCPG จึงประกาศแผนชัดเจนในการเดินหน้าสู่ “พลังงานสะอาด” เต็มกำลัง ทั้งลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ในญี่ปุ่น พลังน้ำในลาว พลังลมในฟิลิปปินส์ และพัฒนาเทคโนโลยีไมโครกริด (Microgrid – ระบบไฟฟ้าอิสระ) รวมถึงการซื้อขายพลังงานแบบเพียร์ทูเพียร์ (Peer-to-Peer Energy Trading) ที่ล้ำหน้ากฎระเบียบไทยในเวลานั้นด้วยซ้ำ
หลังเข้าตลาดหลักทรัพย์ BCPG มีเป้าหมายเป็นต้นแบบธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ที่ขยายพอร์ตไปในหลากหลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนและเอเชีย จับมือกับพันธมิตรเทคโนโลยีระดับโลก เป็นหนึ่งในบริษัทพลังงานไทยที่กล้าปรับตัวก่อนจะถูกโลกปรับทิศ
คุณรวี บุญสินสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG เปิดเผยว่า ในช่วงสิบปีที่ผ่านมา BCPG ได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า พลังงานสีเขียวไม่ใช่เพียงอุดมการณ์ แต่คือความสำเร็จที่จับต้องได้ บริษัทมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้พลังงานหมุนเวียนเติบโตและเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพลังงานของประเทศไทยอย่างเป็นรูปธรรม
“เราเริ่มต้นด้วยพลังงานสีเขียว และเราทำมันสำเร็จอย่างงดงาม”
ในโลกยุคใหม่ ความยั่งยืนไม่ได้จบอยู่แค่เรื่องพลังงานหรือคาร์บอนต่ำอีกต่อไป มันคือกรอบคิดที่กว้างกว่า ลึกกว่า และครอบคลุมมากกว่าเดิม นี่คือเหตุผลที่ BCPG ประกาศจุดยืนใหม่ “The Next Decade: Broadening Horizons of Sustainability” ก้าวสู่ทศวรรษใหม่ของการเติบโตด้วยเป้าหมายขยายธุรกิจจากพลังงานสะอาดสู่การสร้าง “โครงสร้างพื้นฐานแห่งความยั่งยืน (Sustainable Infrastructure)” ก้าวข้ามเส้นแบ่ง พาความยั่งยืนไปไกลกว่าพลังงานสีเขียว
ความยั่งยืนในอนาคตจะครอบคลุมทุกองค์ประกอบของประเทศ ตั้งแต่เศรษฐกิจ สังคม ดิจิทัล ไปจนถึงความสามารถในการแข่งขันของทั้งระบบ และนั่นทำให้การมุ่งไปที่โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) กลายเป็นอีกแกนหลักของทิศทางใหม่ของ BCPG

เพราะเมื่อประเทศมีโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงกับ 4 เทรนด์โลก ประกอบด้วย:
“พลังงานสีเขียวคือจุดเริ่มต้น แต่โครงสร้างพื้นฐานคือพลังที่จะยกระดับประเทศทั้งระบบ”
นี่คือเลนส์ใหม่ที่ BCPG เลือกใช้ จากผู้นำด้านพลังงานทดแทน สู่การเป็นผู้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับความยั่งยืนในมิติต่างๆ

BCPG มุ่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาดที่รองรับการเติบโตของความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกในอีก 5–10 ปีข้างหน้า เพราะ “โลกอนาคตจะขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า”
ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) ดาต้าเซ็นเตอร์ ระบบ AI หรือเทคโนโลยีสมาร์ทซิตี้ ล้วนต้องใช้พลังงานไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งพลังงานสะอาดจึงเป็นหัวใจสำคัญของความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม
จากเทรนด์โลกจึงนำไปสู่การวาง 3 กลยุทธ์ธุรกิจในอนาคต BCPG เตรียมต่อยอดสู่การบริหารจัดการโครงสร้างพื้นฐานเชิงยุทธศาสตร์ (Critical Infrastructure) โดยมุ่งลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่:
รองรับการเติบโตของเศรษฐกิจข้อมูล (Data Economy) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ด้วยพลังงานไฟฟ้าสีเขียว ช่วยต่อยอดธุรกิจพลังงานสะอาดของบริษัท และผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Regional Data Hub ของภูมิภาค
มีการศึกษาการใช้เทคโนโลยีและ AI เพิ่มประสิทธิภาพ ช่วยบริหารจัดการพลังงาน ลดต้นทุน และสร้างนวัตกรรมบริการพลังงานใหม่ เช่น ระบบบริหารพลังงานอัจฉริยะ (Smart Energy Management System) ที่เชื่อมโยงระหว่างผู้ผลิตและผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ
สนับสนุนระบบระบายความร้อนและการใช้น้ำอย่างยั่งยืนของศูนย์ข้อมูล รวมถึงการจัดการทรัพยากรน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เปิดโอกาสในการต่อยอดสู่ธุรกิจจัดการน้ำ (Water Management) เนื่องจากปัญหาความขาดแคลนน้ำและการแย่งชิงทรัพยากรน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการผลิตพลังงานหรืออุตสาหกรรมที่ใช้ทรัพยากรมาก
เป้าหมายเน้นการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การจัดการแผงโซลาร์เซลล์ที่ครบอายุการใช้งาน (ประมาณ 13–15 ปี) ด้วยกระบวนการรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่
รวมถึงการวางระบบแบตเตอรี่รีไซเคิล (Battery Recycling) ซึ่งเริ่มเป็นที่สนใจมากขึ้นหลังจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่มีอายุใช้งานยาวขึ้นและมีปริมาณสะสมเพียงพอสำหรับการรีไซเคิลเชิงพาณิชย์ อยู่ระหว่างศึกษา หาพาร์ทเนอร์ และบริหารจัดการต้นทุน ซัพพลาย ให้คุ้มค่าต่อการสร้างห่วงโซ่มูลค่าใหม่และรายได้ระยะยาว

แม้จะเป็นบริษัทลูกของบางจาก แต่ BCPG ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจฟอสซิล คำตอบคือไม่ใช่ BCPG ถือกำเนิดขึ้นจากการแยกตัวจากบางจากกรุ๊ปเพื่อทำธุรกิจพลังงานหมุนเวียน ดังนั้นรากฐานของบริษัทคือ “เขียว 100%” และเป็นเขียวตั้งแต่แรกเริ่ม
“เราไม่ได้เปลี่ยนจากฟอสซิลเป็นเขียว เราเกิดมาเป็นสีเขียว เมื่อภารกิจแรกสำเร็จ เป็นช่วงเวลาที่พร้อมจะเติบโตขึ้นเป็น ‘ผู้ใหญ่’ มอบคุณค่าใหม่ๆ ที่ครอบคลุมมิติอื่นของความยั่งยืน”
เมื่อถามถึงการบาลานซ์ระหว่างการตอบโจทย์โลกกับการเติบโตของบริษัท ผู้บริหาร BCPG ตอบชัดเจนว่า การตัดสินใจวันนี้เป็นเรื่องของจังหวะ—และจังหวะคือศิลปะ
“เร็วไปก็อาจขึ้นรถผิดขบวน ช้าไปก็อาจตกขบวน”
ดังนั้น BCPG จึงให้ความสำคัญกับ:
เพราะในโลกที่เปลี่ยนเร็ว การตัดสินใจต้องแม่นยำและมีจังหวะที่ถูกต้องที่สุด
“การเติบโตที่ยั่งยืน ไม่ได้เกิดจากการวิ่งเร็วที่สุด แต่เกิดจากการวิ่งในจังหวะที่ใช่ที่สุด”
BCPG กำลังก้าวเข้าสู่บทใหม่ที่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่พลังงานหมุนเวียน แต่ขยายสู่โครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจดิจิทัล และมิติต่างๆ ที่จะขับเคลื่อนประเทศสู่อนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าเดิม
และนี่คือทิศทางใหม่ที่ชัดเจน แข็งแกร่ง และมุ่งมั่นของ BCPG ในทศวรรษต่อไป
BCPG ยึดหลักการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามเป้าหมายสหประชาชาติ (UN SDGs) โดยเฉพาะ:

ด้วยกลยุทธ์ที่ครอบคลุมทั้งมิติสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) BCPG วางเป้าหมายมุ่งสู่การเป็นหนึ่งใน 50 บริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืนของประเทศไทย และขยับเข้าสู่ดัชนีความยั่งยืนระดับโลก DJSI (Dow Jones Sustainability Indices) โดยยึดมั่นการสร้างประโยชน์ทั้งต่อผู้ถือหุ้น ประเทศ และโลกใบนี้
คุณรวี กล่าวต่อว่า บีซีพีจีได้สร้างฐานธุรกิจพลังงานสะอาดที่แข็งแกร่ง ครอบคลุมพลังงานแสงอาทิตย์ ลม น้ำ และก๊าซธรรมชาติ รวมกำลังการผลิตกว่า 2,000 เมกะวัตต์ ในไทย ลาว เวียดนาม ไต้หวัน และสหรัฐอเมริกา ภายใต้สัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวกับภาครัฐและเอกชน ซึ่งช่วยสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงและลดความเสี่ยงด้านตลาด
ในปี 2569 บริษัทตั้งงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท เพื่อเร่งเดินหน้าโครงการในพอร์ต และเตรียมแผนลงทุนเพิ่มเติมไม่น้อยกว่า 15,000 ล้านบาท ในช่วงปี 2570–2571 เพื่อขยายสู่โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจยุคใหม่
บีซีพีจีตั้งเป้าเพิ่ม EBITDA เติบโต 100% ภายในปี 2571 หรือแตะระดับ 7,000 ล้านบาท พร้อมมุ่งสู่การเป็นบริษัทในกลุ่ม SET50 และเข้าสู่ดัชนีความยั่งยืนโลก Dow Jones Sustainability Index (DJSI)

ในไตรมาส 3 ปี 2568 บริษัทมีกำไรก่อนรายการพิเศษ 711.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 57.4% จากปีก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิ 626 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดใหม่ของบริษัท สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของโครงสร้างธุรกิจและการบริหารสินทรัพย์พลังงานในหลายประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายรวีกล่าวเพิ่มเติมว่า “การเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านรายได้ กำไร และการกระจายสินทรัพย์ในระดับภูมิภาค ทำให้บีซีพีจีมีฐานการเงินที่แข็งแกร่ง พร้อมยกระดับสู่บริษัทขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET50 อย่างยั่งยืน และพร้อมทรานส์ฟอร์มสู่ผู้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจสีเขียวในอนาคต”
“จากนี้ไป บีซีพีจีจะไม่หยุดอยู่แค่การผลิตพลังงานสะอาด แต่จะก้าวสู่บทใหม่ของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวของประเทศ และส่งต่อความยั่งยืนให้คนรุ่นต่อไป”