
ใครที่เป็นขาประจำหุ้นน้องใหม่ หรือหุ้นไอพีโอในช่วงนี้ คงต้องยอมรับว่าเหนื่อยหน่อยนะ ทั้งที่เมื่อเดือนที่้แล้ว (ต.ค.) หุ้นไอพีโอหลายตัวยังสดใสซาบซ่า เปิดหนือจองได้หลายตัวอยู่ จนเริ่มมีความหวัง แต่พอเข้าเดือน พ.ย. เป็นต้นมา ทุกอย่างก็เข้าอีหรอบเดิม หุ้นหลายตัวแม้จะยืนเหนือจองแต่เอาเข้าจริง ผ่านมาซักพักราคากลับไม่สามารถยืนเหนือราคาจองได้เลยด้วยซ้ำ ยอมรับเลยว่าสถานการณ์ระยะหลัง มีผลงานค่อนข้างน่าผิดหวัง
นับตั้งแต่ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีหุ้น IPO เข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยทั้งหมด 17 บริษัท แบ่งเป็นการจดทะเบียนในตลาด SET 6 บริษัท ในตลาด mai 11 บริษัท แต่มีเพียง 4 บริษัทที่ราคาหุ้นยืนอยู่สูงกว่าราคาเสนอขาย หรือราคาจอง นอกนั้นราคาต่ำกว่าราคาเสนอขายครั้งแรกหรือราคาจองทั้งหมด แม้ว่าภาพรวมของตลาดในวันเข้าซื้อขายจะดีอย่างไรก็ไม่ได้มีส่วนช่วยให้ราคาหุ้น IPO สามารถยืนเหนือราคาจองได้ ทั้งในตอนเปิดและปิดการซื้อขาย
สำหรับสถานการณ์หุ้น IPO นั้น ทั้งนายสมภพ กีระสุนทรพงษ์ กรรมการผู้อำนวยการ บล. ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ในฐานะแกนนำอันเดอร์ไรท์ หุ้น SMO ไอพีโอที่เพิ่งเข้าซื้อขายล่าสุดเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ผ่านมา ยอมรับช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯได้รับผลกระทบในเรื่องความเชื่อมั่น และความกลัวหุ้น IPO สะท้อนได้จากราคาซื้อขายหุ้น IPO วันแรกของจำนวน 4-5 ตัวย้อนหลังที่ผ่านมาที่ลดลงต่ำจอง เพราะคนมีความรู้สึกว่าถ้าหากหุ้นเข้าเทรดวันแรกแล้วไม่เหนือราคาจองซื้อ อาจมีความรู้สึกว่าราคาหุ้นเหล่านั้นอาจไหลลงไปเรื่อยๆ
ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของความเชื่อมั่น โดยไม่ได้มองถึงพื้นฐานของบริษัทหรือปัจจัยพื้นฐานของบริษัทอาจไม่ได้สะท้อนราคาบนกระดาน ซึ่งนักลงทุนควรต้องกลับมาศึกษาพื้นฐานของบริษัทว่ามีการเติบโตและความสามารถทำกำไรอย่างไร
เช่นเดียวกัน สมศักดิ์ ศิริชัยนฤมิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร APM บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ที่เน้นย้ำว่า อยากให้นักลงทุนได้ศึกษาพื้นฐานของกิจการก่อนและศึกษาเรื่องของราคาที่มีการกำหนดในการเสนอขายหุ้น IPO และนักลงทุนไม่ควรตัดสินใจลงทุนหุ้น IPO เพื่อทำกำไรในวันแรก เพราะการลงทุนในหุ้น IPO ถือเป็นการได้โอกาสในการลงทุนช่วงระยะกลางและระยะยาว เนื่องจากเป็นหุ้นที่มีราคาส่วนลดมากกว่าที่จะมาลงทุนในวันแรกเพียงอย่างเดียว
ขณะที่ล่าสุด แม้แต่สภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO ออกมาให้ความเห็นเรื่องสถานการณ์ตลาด IPO ในปัจจุบัน ที่ยอมรับว่าน่าหนักใจ เนื่องจากราคาหุ้นหลายตัวที่เข้าซื้อขายต่ำกว่าราคาจองซื้อ สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน โดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธาน FETCO ระบุว่าส่วนหนึ่งมาจากการตั้งราคาขายที่สูงเกินไป ซึ่งหากกำหนดราคา IPO แพงเกินจริงจะกระทบต่อความเชื่อมั่นและทำลายโอกาสของผู้จองซื้อหุ้นได้ ดังนั้นการตั้งราคาเกินจริง กลับทำให้ตลาด IPO ขาดความน่าสนใจ จึงควรทบทวนแนวทางการกำหนดราคาใหม่ และขอให้ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) จัดทำประมาณการมูลค่าหุ้นให้เหมาะสมกับศักยภาพของแต่ละบริษัท
ซึ่ง FETCO บอกว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจำนวนมากเกี่ยวกับหุ้นที่เปิดซื้อขายแล้วให้ผลตอบแทนต่ำกว่าคาด โดยจะนำข้อกังวลเหล่านี้เข้าสู่การหารือภายในสมาคม เพื่อหามาตรการปรับปรุงคุณภาพของหุ้นที่เข้าจดทะเบียนในอนาคต และสิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ การดึงดูดบริษัทเทคโนโลยีและธุรกิจแห่งอนาคตเข้ามาจดทะเบียนในตลาดทุนไทยมากขึ้น แทนที่บริษัททั่วไปซึ่งมีรูปแบบธุรกิจแบบเดิม ๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและศักยภาพการเติบโตของตลาด
ดังนั้นจากนี้ไป นักลงทุนอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น IPO เสียใหม่ การหวังแค่กำไรจากการขายที่ราคาเปิดในวันแรก (ATO) อาจจะเป็นเรื่องยากไปเสียแล้ว เมื่อภาพรวมของตลาดหุ้น IPO ไม่ได้หวือหวา หรือได้รับความนิยมมากเหมือนก่อน ซื้อเพื่อวัตถุประสงค์หลักในการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่แค่เก็งกำไร