
ล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับบุคคล 5 ราย ได้แก่ "อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์", "ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์", "พนิดา วิริยะกิจนุกูล", "ฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์" และ "จักรพันธ์ ชาติปรีชา" กรณีซื้อหุ้น บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) โดยอาศัยข้อมูลภายในที่ตนรู้หรือครอบครอง และช่วยเหลือการกระทำความผิด แล้วแต่กรณี โดยให้บุคคลทั้ง 5 ราย ชำระเงินรวม 16.32 ล้านบาท และกำหนดระยะเวลาห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารกับผู้กระทำความผิดทั้ง 5 ราย
ความผิดดังกล่าว เกิดขึ้นช่วง 5 ส.ค. - 9 พ.ย.2565 ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 5 ราย ดังกล่าว ได้กระทำการที่เข้าข่ายเป็นความผิดเกี่ยวกับการซื้อหุ้นโดยอาศัยข้อมูลภายใน ที่ส่งผลกระทบด้านบวกต่อราคาหุ้น TKN ที่ตนรู้หรือครอบครอง ได้แก่ ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/65 ของ TKN ที่มีกำไรสุทธิจำนวน 179.97 ล้านบาท ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลรอบที่ 2 (รอบพิเศษ) สำหรับผลการดำเนินการของไตรมาสดังกล่าวในอัตรา 0.08 บาท/หุ้น ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่มีสาระสำคัญด้านบวกต่อราคาหุ้น TKN ที่ยังไม่ได้เปิดเผยต่อประชาชนเป็นการทั่วไป
โดยพบว่าภายหลังจากที่ "อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์" ซึ่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการบริษัท และ "ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์" ซึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการ (ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ) ได้รู้หรือครอบครองข้อมูลภายในดังกล่าว "อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์" ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ "พนิดา วิริยะกิจนุกูล"และ "ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์" ได้ซื้อหุ้น TKN ผ่านบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของบุคคล 2 ราย ได้แก่ "ฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์" และ "จักรพันธ์ ชาติปรีชา" ก่อนที่ TKN จะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 10 พ.ย.2565
การกระทำดังกล่าว โดยอาศัยข้อมูลภายในเป็นความผิดตามมาตรา 242(1) ประกอบมาตรา 243(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535
ขณะที่ "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" สำรวจข้อมูลจาก ก.ล.ต. ตั้งแต่ต้นปี (YTD) พบว่า ปีนี้ ก.ล.ต. ได้มีการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งต่อผู้กระทำความผิดฐานสร้างราคาหุ้น (ปั่นหุ้น) และอาศัยข้อมูลภายใน (อินไซด์หุ้น) เพื่อให้เกิดความได้เปรียบในการซื้อขายหุ้น รวม 19 คดี โดยสั่งปรับรวมทั้งหมด 1,235 ล้านบาท
19 คดีปั่นหุ้น – อินไซด์ ถูกก.ล.ต.ฟันแพ่ง | ||
คดีที่ถูกกล่าวโทษ | ผู้ถูกล่าวโทษ | ค่าปรับรวม (ลบ.) |
ปั่นหุ้น READY | ทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล | 279.67 |
ปาจรีย์ สมรรถกิจบริหาร | ||
พิชญาดา ศิริธง | ||
ปั่นหุ้น ECF | ธัญญรัตน์ สุขสวัสดิ์ | 264.79 |
กิตติพัชญ์ สุขสวัสดิ์ | ||
วัลลภ สุขสวัสดิ์ | ||
คนึงนิจ จินดา | ||
วาสนา วิริยาทรพันธุ์ | ||
ทัศนีย์ วงษ์จิราษฎร์ | ||
สุนีย์ แซ่โล้ | ||
ฐิติกรณ์ ฟูเกษม | ||
สราวุธ อุดมธรรม | ||
สุจิตร อุดมธรรม | ||
ไกรวุฒิ ดิษฐจร | ||
เอมอร สิริพาณิชยกิจ | ||
ประสพสุข สวัสดี | ||
ฐนริศร์ พรพัฒนะแจ่มใส | ||
อัจฉราภรณ์ ราชนาจันทร์ | ||
พุฒิธร ตามธรรม | ||
ปั่นหุ้น MAX, EIC, NEWS | ยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์ | 202.02 |
เอกวิชญ์ กมลเทพา | ||
วรณัน เลิศกุลธรรม | ||
ภาณุรักษ์ แสงอร่าม | ||
กรรณิดา ตั้งกิจตรงเจริญ | ||
กรวิช อัศวกุล | ||
กัญจนารัศม์ วงศ์พันธุ์ | ||
สุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล | ||
อรพิน พิพัฒน์วิไลกุล | ||
พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล | ||
สงกรานต์ ตันศิริ | ||
ภควันต์ วงษ์โอภาสี | ||
มะลิวัลย์ วงศ์ชินศรี | ||
อินไซด์หุ้น SVI | พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ | 123.33 |
ปั่นหุ้น RPC | สุธี ศิริพรพิทักษ์ | 71.72 |
พีรณัฐ ศิริพรพิทักษ์ | ||
ปั่นหุ้น UREKA | ปรีชา ใคร่ครวญ | 65.94 |
พงษ์เชณฐ เหรียญชัยวานิช | ||
ศรายุทธ คงอ่ำ | ||
อารีพร แก้วกลม | ||
วรวิทย์ ควนวิไล | ||
โสพิส ผูกพัทธิ์ | ||
ปั่นหุ้น TCC | พรพิน ชัยวิกรัย | 59.78 |
ธนกร หริวงศานุภาพ | ||
ยุพิน ชัยวิกรัย | ||
นฤชิต โรจนยางกูร | ||
เกสร สิทธิวราภรณ์ | ||
วิรัช สิทธิวราภรณ์ | ||
วิชัย สิทธิวราภรณ์ | ||
ดรุเณศ สิทธิวราภรณ์ | ||
วิมณฑา วิชญธีระพงศ์ | ||
ปราโมทย์ พงศ์วรกร | ||
ปั่นหุ้น STAR | อนัญญา เรืองศักดิ์วิชิต | 47.91 |
กิ่งกาญจน์ สมิตานนท์ | ||
นฤมล แมงทับ | ||
โดม พรหมายน | ||
ณัฐชานันท์ สิริรุจิโยทัย | ||
สุสิชณ์ทักษ์ อัจฉริยะสมบัติ | ||
ธนกฤต อัจฉริยะสมบัติ | ||
ภัสธารีย์ วงษ์ทองหลิน | ||
ประพล มิลินทจินดา | ||
กานต์ พรหมายน | ||
ปั่นหุ้น TRITN | ภสุ วชิรพงศ์ | 34.37 |
วิชาญ วชิรพงศ์ | ||
อัครรัฐ วรรณรัตน์ | ||
นัธทวัฒน์ พิบูลย์ธนอมร | ||
อินไซด์หุ้น LPN | ทิฆัมพร เปล่งศรีสุข | 17.52 |
วุฒิพล สุริยาภิวัฒน์ | ||
อาทิตย์ สุริยาภิวัฒน์ | ||
สุริยา สุริยาภิวัฒน์ | ||
รัตนพงศ์ ศรีโรจนันท์ | ||
สุรวุฒิ สุขเจริญสิน | ||
นวรัตน์ สุขเจริญสิน | ||
มาลาตี สุขเจริญสิน | ||
พิเชษฐ ศุภกิจจานุสันติ์ | ||
กัลย์รวี ศุภกิจจานุสันติ์ | ||
ปั่นหุ้น KDH | วัลลีย์ สังข์ศิริ | 17.21 |
สุนิช์ศา ชุตินธร | ||
อินไซด์หุ้น TKN | อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ | 16.39 |
ณัชชัชพงศ์ พีระเดชาพันธ์ | ||
พนิดา วิริยะกิจนุกูล | ||
ฐิติรัตน์ ภานุวัฒน์วนิชย์ | ||
จักรพันธ์ ชาติปรีชา | ||
ปั่นหุ้น VL | ณีรนุช เพ็ชรประดับ | 10.85 |
ธีรพงษ์ ปรภาว์ | ||
เสาวนีย์ นิมิศิลป์ | ||
ยุทธิชัย ปราณี | ||
ศุภศิษฏ์ โภคินจารุรัศมิ์ | ||
ภรณี เมฆดำรงแสง | ||
บวร รุ่งเรืองเนาวรัตน์ | ||
ณัฐปภัสร์ เกสร์ชัยมงคล | ||
พิเชษฐ์ เพิ่มทรัพย์หิรัญ | ||
ปั่นหุ้น SCN | ชนน วังตาล | 10.55 |
ณัฐปภัสร์ เกสร์ชัยมงคล | ||
อินไซด์หุ้น AH | วิโรจน์ พัชรวัฒนกูล | 7.16 |
TEO LEE NGO | ||
KOH LIAN KING | ||
ปั่นหุ้น ABM, F&D TVDH-W3 | พชรดนัย ชาญหัตถกิจ | 4.61 |
อินไซด์หุ้น NVD | ศราวุธ สมวัฒนา | 1.79 |
ปั่นหุ้น PROS, TKT, PK | จักรชัย สกุลเอกไพศาล | N/A |
ปั่นหุ้น COMAN | ภัทชนก ธนฤทัยโรจน์ | N/A |
อภิมุข บำรุงวงศ์ | ||
พัสกร ศิลมัฐ | ||
ชญาดา สุขกสิ | ||
สุภา วงค์อนุ | ||
ธีรยุทธ เหรียญชัยยุทธ | ||
สีหราช โลหชิตรานนท์ | ||
ศุภชัย วิเศษไพฑูรย์ | ||
ฉัฐนันท์ ธนาสินวิวัฒน์ | ||
พนิตานันท์ เติมคุนานนท์ | ||
นิธิศ ศิลมัฐ | ||
ที่มา : ก.ล.ต. ณ 28 ต.ค.68 | ||
กรณีสร้างราคาหุ้น บมจ.เรดดี้แพลนเน็ต (READY) เป็นคดีที่ถูก ก.ล.ต. สั่งปรับทางแพ่ง มูลค่าสูงสุด 279.67 ล้านบาท จากผู้กระทำความผิด 3 ราย ประกอบด้วย "ทวีรัช ปรุงพัฒนสกุล", "ปาจรีย์ สมรรถกิจบริหาร " และ "พิชญาดา ศิริธง" ซึ่งผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย มีพฤติกรรมทำให้สภาพการซื้อขายหุ้น READY ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ในวันที่ 22 ก.พ.2566 (1st Trading Day) ซึ่งเป็นวันเกิดเหตุ
ในลักษณะสร้างราคาหลักทรัพย์โดยแบ่งหน้าที่กันทำ และมีพฤติกรรมการซื้อขายสอดคล้องกัน จากการที่กลุ่มผู้กระทำความผิดมีพฤติกรรมทำราคาเปิด โดยซื้อผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น และกวาด offer ครั้งละหลายช่วงราคา พร้อมทั้งเสริม bid อย่างต่อเนื่อง เป็นผลให้ราคาหุ้น READY ปรับตัวขึ้น และนักลงทุนรายอื่นสนใจเข้ามาซื้อขายตาม เพื่อที่กลุ่มผู้กระทำความผิดจะได้ขายหุ้นทำกำไร
รวมทั้งส่งคำสั่งซื้อขายโดยรู้อยู่แล้วว่ากลุ่มของตนได้สั่งซื้อขายหลักทรัพย์เดียวกันในจำนวนใกล้เคียงกัน, ราคาใกล้เคียงกัน และภายในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น READY และเป็นการซื้อขายหุ้น READY ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น READY ปรับตัวผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อที่กลุ่มผู้กระทำผิดจะขายหุ้น READY ที่ได้รับการจัดสรร IPO และที่ซื้อเพิ่มในวันเกิดเหตุทำกำไรได้ในราคาสูง
อย่างไรก็ตาม ผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) กำหนด ซึ่งพิจารณาได้ว่าผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายไม่ยินยอมที่จะระงับคดีในชั้น ก.ล.ต.
ดังนั้น ก.ล.ต.จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีผู้กระทำความผิดทั้ง 3 รายดังกล่าว ต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้กำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่ง โดยให้ชำระเงินรวมทั้งสิ้น 279.67 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย รวมทั้งกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิดทั้ง 3 ราย ซื้อขายหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าและห้ามเป็นกรรมการ หรือผู้บริหารในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ
นอกจากนี้ ยังมีอีก 3 คดี ที่ถูก ก.ล.ต. สั่งปรับทางแพ่งมากกว่า 100 ล้านบาท ประกอบด้วย คดีปั่นหุ้น ECF ที่มีผู้กระทำผิดถึง 17 ราย ประกอบด้วย "ธัญญรัตน์ สุขสวัสดิ์", "กิตติพัชญ์ สุขสวัสดิ์", "วัลลภ สุขสวัสดิ์", "คนึงนิจ จินดา", "วาสนา วิริยาทรพันธุ์", "ทัศนีย์ วงษ์จิราษฎร์", "สุนีย์ แซ่โล้", "ฐิติกรณ์ ฟูเกษม", "สราวุธ อุดมธรรม", "สุจิตร อุดมธรรม", "ไกรวุฒิ ดิษฐจร", "เอมอร สิริพาณิชยกิจ", "ประสพสุข สวัสดี", "ฐนริศร์ พรพัฒนะแจ่มใส", "อัจฉราภรณ์ ราชนาจันทร์", "พุฒิธร ตามธรรม" และ "ศุภฤกษ์ แคว้นน้อย"
การกระทำความผิดของคดีนี้ มีช่วงเวลา 3 ช่วง ประกอบด้วย 24 ส.ค. - 21 ธ.ค.60, 22 ธ.ค.60 - 23 เม.ย.61 และ 24 เม.ย. - 5 ต.ค.61 โดยในระยะเวลาดังกล่าว ผู้กระทำความผิดทั้งหมดมีพฤติกรรมแบ่งหน้าที่กันทำในการสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น ECF โดยส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น ECF ในลักษณะที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ และเป็นการซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด ก.ล.ต. จึงมีมติสั่งปรับทางแพ่งรวมกัน 264.79 ล้านบาท
ต่อด้วย คดีปั่นหุ้น บมจ.แมกซ์ เมทัล คอร์ปอเรชั่น (MAX), บมจ.อุตสาหกรรม อีเล็คโทรนิคส์ (EIC), บมจ.นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS), และ ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ รุ่นที่ 5 ของ NEWS (NEWS-W5) โดยถูกสั่งปรับทางแพ่งรวม 202.02 ล้านบาท
จากการมีผู้ร่วมกระทำความผิดทั้งหมด 13 ราย ที่นำโดย "ยรรยงค์ อินทรสงเคราะห์", "เอกวิชญ์ กมลเทพา", "วรณัน เลิศกุลธรรม", "ภาณุรักษ์ แสงอร่าม", "กรรณิดา ตั้งกิจตรงเจริญ", "กรวิช อัศวกุล", "กัญจนารัศม์ วงศ์พันธุ์", "สุวิทย์ พิพัฒน์วิไลกุล", "อรพิน พิพัฒน์วิไลกุล", "พิสิษฏ์ พิพัฒน์วิไลกุล", "สงกรานต์ ตันศิริ", "ภควันต์ วงษ์โอภาสี " และ "มะลิวัลย์ วงศ์ชินศรี"
ขบวนการดังกล่าว เริ่มต้นด้วยการสร้างราคาหุ้น MAX ระหว่าง 4 - 23 ส.ค.2559 และ 14 - 25 พ.ย.2559, สร้างราคาหุ้น EIC ระหว่าง 4 - 26 ส.ค.2559 และ 10 ต.ค. - 23 พ.ย.2559, สร้างราคาหุ้น NEWS ระหว่าง 25 ส.ค. - 9 ก.ย.2559 และสร้างราคาหุ้น NEWS-W5 ระหว่าง 25 ส.ค. - 7 ก.ย.2559
ด้าน คดีอินไซด์หุ้น บมจ.เอสวีไอ (SVI) ถูกสั่งปรับมูลค่า 123.33 ล้านบาท โดยผู้กระทำความผิดรายเดียว คือ "พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ" ซึ่งในขณะเกิดเหตุเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่เกินกว่าร้อยละ 50 และดำรงตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ SVI ทำหน้าที่กำหนดกลยุทธ์ทางธุรกิจ และได้เข้าร่วมประชุมที่สำคัญของ SVI เป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในเกี่ยวกับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/64 ของ SVI ที่มีกำไรสุทธิ 520.52 ล้านบาท
ผลการดำเนินงานดังกล่าว ถือเป็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และงวดเดียวกันของปีก่อน อันเป็นข้อมูลที่ส่งผลกระทบด้านบวกต่อราคาหุ้น SVI โดย "พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ" ได้ซื้อหุ้น SVI ก่อนที่บริษัทฯจะเปิดเผยข้อมูลภายในดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 10 พ.ย.2564 เวลา 19.09 น. ทำให้ "พงษ์ศักดิ์ โล่ห์ทองคำ" ได้รับผลประโยชน์จากมูลค่าหุ้น SVI ที่มีราคาเพิ่มขึ้น ภายหลังจากที่ SVI ได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ยังมีอีก 3 คดี ที่ถูก ก.ล.ต. สั่งปรับทางแพ่งมูลค่ารวมกันมากกว่า 50 ล้านบาท นำโดย คดีปั่นหุ้น บมจ.อาร์พีซีจี (RPC) ถูก ก.ล.ต.สั่งปรับมูลค่ารวมกัน 71.72 ล้านบาท โดยมีผู้กระทำผิด 2 ราย ประกอบด้วย "สุธี ศิริพรพิทักษ์" และ "พีรณัฐ ศิริพรพิทักษ์" เหตุการณ์เกิดขึ้นระหว่าง 18 - 31 ส.ค.2564 ซึ่งในช่วงเกิดเหตุ "สุธี ศิริพรพิทักษ์" ส่งคำสั่งซื้อขายหุ้น RPC ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของ "พีรณัฐ ศิริพรพิทักษ์" ในลักษณะสร้างราคาหุ้น
ส่งผลให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดเกี่ยวกับราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ เช่น ผลักดันราคาต่อเนื่อง สลับขายทำกำไรระหว่างวัน คำสั่งเสนอซื้อ และทำราคาปิด เป็นต้น ขณะเดียวกัน "พีรณัฐ ศิริพรพิทักษ์" ได้ขายหุ้น RPC ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์อื่นของตนเอง ในลักษณะสอดรับกับการซื้อขายในบัญชีหลักทรัพย์ที่ได้มอบอำนาจให้ "สุธี ศิริพรพิทักษ์" ส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะสร้างราคาดังกล่าว
ด้าน คดีปั่นหุ้น บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (UREKA) ถูก ก.ล.ต. สั่งปรับมูลค่ารวมกัน 65.94 ล้านบาท โดยมีผู้กระทำผิด 6 ราย ประกอบด้วย "ปรีชา ใคร่ครวญ", "พงษ์เชณฐ เหรียญชัยวานิช", "ศรายุทธ คงอ่ำ", "อารีพร แก้วกลม", "วรวิทย์ ควนวิไล" และ "โสพิส ผูกพัทธิ์" ซึ่งมีความสัมพันธ์เชื่อมโยงระหว่างกัน ทั้งในด้านความสัมพันธ์ส่วนบุคคล, ความสัมพันธ์ทางธุรกิจ และความสัมพันธ์ทางเงิน ได้ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณหลักทรัพย์ โดยส่งคำสั่งซื้อหรือขายหลักทรัพย์ หรือซื้อหรือขายหลักทรัพย์ ในลักษณะต่อเนื่องกัน โดยมุ่งหมายให้ราคาหลักทรัพย์หรือปริมาณการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด
ผู้กระทำความผิด 6 รายดังกล่าว ได้ร่วมกันกระทำการระหว่าง 31 มี.ค. - 8 พ.ค.2563 โดยแบ่งหน้าที่กันซื้อขายหุ้น UREKA ในลักษณะสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขาย โดยมีพฤติกรรมสอดรับและสนับสนุนซึ่งกันและกัน ในลักษณะสลับหน้าที่กันเข้ามาสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น UREKA ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
โดยมีการส่งคำสั่งซื้อในลักษณะผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น การเคาะซื้อด้วยหุ้นปริมาณน้อยโดยประสงค์ให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น การเคาะซื้อหรือส่งคำสั่งซื้อเพื่อกวาดคำเสนอขายที่ดีที่สุด การครองคำเสนอซื้อในหลายระดับราคาเพื่อขัดขวางการซื้อขายของนักลงทุนอื่น ทำให้นักลงทุนอื่นต้องเคาะซื้อในราคาที่สูงขึ้น การควบคุมราคาปิด รวมถึงการจับคู่ซื้อขายด้วยปริมาณ, ราคา และช่วงเวลาใกล้เคียงกันหลายครั้ง และมีพฤติกรรมสอดรับหรือสนับสนุนในลักษณะความสัมพันธ์ทางเงินในการกระทำความผิดระหว่างกัน ส่งผลให้ราคาหุ้น UREKA เปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาด
ส่วน คดีสร้างราคาหุ้น บมจ.ไทย แคปปิตอล คอร์ปอเรชั่น (TCC) ถูก ก.ล.ต.สั่งปรับมูลค่ารวมกัน 59.78 ล้านบาท โดยมีผู้กระทำผิด 10 ราย ประกอบด้วย "พรพิน ชัยวิกรัย", "ธนกร หริวงศานุภาพ", "ยุพิน ชัยวิกรัย", "นฤชิต โรจนยางกูร", "เกสร สิทธิวราภรณ์", "วิรัช สิทธิวราภรณ์", "วิชัย สิทธิวราภรณ์", "ดรุเณศ สิทธิวราภรณ์", "วิมณฑา วิชญธีระพงศ์" และ "ปราโมทย์ พงศ์วรกร"
การกระทำผิดช่วงที่ 1 เกิดขึ้นระหว่าง 13 มี.ค. - 21 ก.ย.2561 ซึ่งผู้กระทำผิดได้ร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น TCC โดยส่งคำสั่งซื้อ และคำสั่งขาย หุ้น TCC ในจำนวน, ราคา และเวลาใกล้เคียงกัน ส่งผลให้บุคคลอื่นเข้าใจผิดเกี่ยวราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น TCC
ต่อมาในช่วง 24 ก.ย. - 6 พ.ย.2561 ยังได้มีการกระทำความผิดต่อเนื่อง โดยร่วมกันสร้างราคาหรือปริมาณการซื้อขายหุ้น TCC และหลักทรัพย์ TCC-W3 TCC-W4 และ TCC-W5 โดยรู้เห็นหรือตกลงกันในการส่งคำสั่งซื้อขาย ในลักษณะสอดรับและสนับสนุนซึ่งกันและกันอย่างต่อเนื่อง โดยการผลักดันราคาให้ปรับตัวสูงขึ้น ส่งคำเสนอซื้อในลักษณะที่เป็นการขัดขวางการส่งคำสั่งเสนอซื้อของบุคคลอื่น ส่งคำสั่งซื้อและขายในจำนวน, ราคา และเวลาใกล้เคียงกัน
รวมถึงการส่งคำเสนอซื้อในช่วงก่อนเปิดตลาด โดยมุ่งหมายให้ราคาเปิดปรับตัวสูงขึ้น เป็นผลให้ราคาและปริมาณการซื้อขายของราคาหลักทรัพย์ดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นผิดไปจากสภาพปกติ ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดว่าในขณะนั้นมีความต้องการซื้อขายหุ้น TCC และหลักทรัพย์ TCC-W3 TCC-W4 และ TCC-W5 ในปริมาณมากและเข้าซื้อขายตาม