
สหราชอาณาจักรผ่านกฎหมายใหม่ ยกระดับ “คริปโทและสินทรัพย์ดิจิทัล” เป็นทรัพย์สินตามกฎหมายอย่างเป็นทางการ เพื่อคุ้มครองผู้ถือเหรียญ พร้อมปูทางสู่นวัตกรรมการเงินยุคใหม่
วันอังคารที่ผ่านมา (2 ธ.ค.) John McFall ประธานสภาขุนนาง ประกาศต่อสภาขุนนางว่า ร่างกฎหมาย Property (Digital Assets etc) Bill ได้รับ “Royal Assent” หรือการรับรองจากกษัตริย์ Charles อย่างเป็นทางการ ซึ่งทำให้กลายเป็นกฎหมายแล้วในอังกฤษ
ร่างกฎหมายดังกล่าวจะทำให้สินทรัพย์ดิจิทัล เช่น คริปโทเคอร์เรนซี, สเตเบิลคอยน์ รวมถึงโทเคนดิจิทัล ต่าง ๆ ถูกจัดให้เป็น “ทรัพย์สิน” ตามกฎหมาย ซึ่งกลุ่มผู้สนับสนุนมองว่านี่เป็นก้าวสำคัญในการคุ้มครองผู้ใช้งาน และเสริมความมั่นใจในการถือครอง-ใช้สินทรัพย์ดิจิทัลภายในประเทศ
แม้ก่อนหน้านี้กฎหมายจารีตของอังกฤษ (Common Law) จะเคยตัดสินในคดีต่าง ๆ ว่าสินทรัพย์ดิจิทัลถือเป็นทรัพย์สิน แต่เป็นการพิจารณาแบบ “เคสต่อเคส” เท่านั้น ร่างกฎหมายใหม่นี้จึงเป็นการ “บัญญัติหลักการดังกล่าวอย่างเป็นทางการ” เป็นครั้งแรก โดยยึดตามข้อเสนอแนะจาก Law Commission of England and Wales ที่เสนอไว้ในปี 2024
CryptoUK ซึ่งเป็นกลุ่มรณรงค์คริปโทในประเทศ กล่าวว่า กฎหมายนี้ทำให้ “สินทรัพย์ดิจิทัลมีฐานะทางกฎหมายที่ชัดเจนขึ้นมาก” โดยเฉพาะในกรณีเช่น การพิสูจน์ความเป็นเจ้าของ, การกู้คืนเหรียญในกรณีถูกขโมย, การใช้ในการชำระหนี้, คดีล้มละลาย หรือการจัดการทรัพย์สินมรดก
โดย CryptoUK ยังเสริมว่า ความชัดเจนด้านกฎหมายนี้จะช่วย “ส่งเสริมความมั่นใจ” ให้ผู้ใช้งานคริปโทระดับบุคคลและสถาบัน พร้อมสนับสนุนการเติบโตของ ผลิตภัณฑ์การเงินใหม่ เช่น Real World Assets Tokenization และตลาดดิจิทัลที่ปลอดภัยมากขึ้น
ภายใต้กฎหมายของสหราชอาณาจักร ทรัพย์สินส่วนบุคคลจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ “ทรัพย์ที่ครอบครองได้” เช่น รถยนต์ หรือสิ่งของที่จับต้องได้ และ “ทรัพย์ในเชิงสิทธิ” ซึ่งหมายถึงทรัพย์สินที่จับต้อบไม่ได้ เช่น สิทธิในการบังคับตามสัญญา
ร่างกฎหมายฉบับใหม่นี้ได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า “สิ่งที่เป็นดิจิทัลหรืออิเล็กทรอนิกส์” ไม่ควรถูกตัดสิทธิ์จากการได้รับการคุ้มครองในฐานะทรัพย์สินส่วนบุคคล เพียงเพราะไม่เข้าข่ายเป็นของที่จับต้องได้ หรือเป็นสิทธิเรียกร้องตามกฎหมายแบบเดิม
ทั้งนี้ รายงานจาก Law Commission ในปี 2024 ได้เสนอว่า ทรัพย์สินดิจิทัลสามารถมีลักษณะได้ทั้งสองอย่าง และการที่กฎหมายในปัจจุบันไม่สามารถจำแนกทรัพย์สินดิจิทัลได้อย่างชัดเจนอาจกลายเป็นอุปสรรคต่อการพิจารณาข้อพิพาทในศาล
ที่มา : cointelegraph
แปลและเรียบเรียง : สหรัฐ ฉัตราพงษ์