
ตามประกาศของ Circle ระบุว่า Arc ว่าเป็น “ระบบปฏิบัติการเศรษฐกิจสำหรับอินเทอร์เน็ต” ได้รับความร่วมมือจากบริษัทชั้นนำกว่า 100 แห่ง ครอบคลุมทั้งภาคธนาคาร ตลาดทุน และฟินเทค อาทิ BlackRock, Goldman Sachs, Visa, Mastercard และ State Street
Jeremy Allaire ซีอีโอของ Circle กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทชั้นนำ โปรโตคอล และโปรเจกต์ต่าง ๆ เริ่มเข้ามาร่วมสร้างและทดสอบบนเครือข่าย ซึ่งถือเป็น “จุดเริ่มต้นที่สร้างโมเมนตัมได้น่าทึ่งมาก”
Allaire เสริมว่า เมื่อรวมกันแล้ว กลุ่มบริษัทเหล่านี้สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก และมีบทบาทในการเคลื่อนย้าย แลกเปลี่ยน และเก็บรักษาสินทรัพย์และการชำระเงินในระดับหลายร้อยล้านล้านดอลลาร์
Arc ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในภาคการเงินโดยเฉพาะ ซึ่งมีจุดเด่นคือ ค่าธรรมเนียมที่อิงกับดอลลาร์สหรัฐฯ และความเร็วในการยืนยันธุรกรรมในระดับ sub-second ซึ่งช่วยให้การทำธุรกรรมเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ Arc ยังมาพร้อมฟีเจอร์ความเป็นส่วนตัวที่เปิดให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกเปิดหรือปิดได้ตามความเหมาะสม พร้อมรองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการให้กู้ยืม ตลาดทุน การชำระเงินข้ามประเทศ หรือแม้แต่การแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (FX)
นอกจากนี้ Arc ยังเปิดกว้างสำหรับการใช้งานในโลก Web3 โดยเชื่อมต่อกับเครื่องมือและผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานชั้นนำ เช่น MetaMask, Fireblocks, Chainlink, Alchemy และ LayerZero รวมถึงบริการบริดจ์ข้ามเชนอย่าง Wormhole และ Stargate
Arc ยังให้ความสำคัญกับการรองรับ Stablecoin และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ผูกกับสกุลเงินท้องถิ่น โดยมีผู้ให้บริการจาก 7 ประเทศ เช่น JPYC (ญี่ปุ่น), BRLA (บราซิล), MXNB (เม็กซิโก) และ PHPC (ฟิลิปปินส์) เข้าร่วมทดสอบบนเครือข่ายแล้ว เพื่อยกระดับการเข้าถึงบริการทางการเงินในตลาดเกิดใหม่ทั่วโลก
Circle ตั้งเป้าผลักดัน Arc ให้กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานระดับโลกที่เปิดกว้าง โดยมีแผนในระยะยาวที่จะเปลี่ยน Arc ไปสู่เครือข่ายที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมเปิดให้มีผู้ตรวจสอบ (validators) จากภายนอก และจัดตั้งระบบธรรมาภิบาลที่โปร่งใสและมีส่วนร่วม
ที่มา : cointelegraph
แปลและเรียบเรียง : สหรัฐ ฉัตราพงษ์
✅Better Trade 2025 : ปลดล็อคความคิด พิชิตโอกาส ฉลาดลงทุน
ลงทะเบียนร่วมงานได้ที่ : https://www.zipeventapp.com/e/Better-Trade-2025