บล.กรุงศรี ประเมินหุ้นไทยเดือนพ.ย.โอกาสรีบาวด์ แม้สถิติย้อนหลัง 15 ปีให้ผลตอบแทนบวกเพียง 47% แต่ปีนี้ต่างออกไป หลังราคาหุ้นส่วนใหญ่สะท้อนงบ Q3 ที่อ่อนแอไปแล้ว ขณะดีลการค้าสหรัฐฯ–จีนช่วยคลายกังวลเศรษฐกิจโลก บวกกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศและความคาดหวังเลือกตั้งต้นปีหน้า แนะสะสมหุ้นได้ประโยชน์นโยบายรัฐ ทั้งค้าปลีก ท่องเที่ยว ไฟแนนซ์ กลุ่ม Infra Tech. บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ประเมินหุ้นไทยเดือน พ.ย.ว่า อิง สถิติย้อนหลัง 15 ปี(2010-2024) พบว่าการลงทุนในตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย.ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเป็นบวก +0.66% แต่ความน่าจะเป็นที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกไม่สูง (47%) เนื่องจากมีจำนวนปีที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 7 ปีแต่มี 8 ปีให้ผลตอบแทนติดลบ ความผันผวนดังกล่าวคาดเป็นผลจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนหลังบริษัทจดทะเบียนประกาศงบ เนื่องจากเดือน พ.ย. เป็นโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 แรงขาย sell on fact และการขายปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันจึงมีผลต่อทิศทางการลงทุนในเดือน พ.ย. ซึ่งสอดคล้องกับสถิติการลงทุนในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการไตรมาส 1 พบว่ามีจำนวนปีที่ให้ผลตอบแทนติดลบมากถึง 10 ปีและให้ผลตอบแทนเป็นบวกเพียง 5 ปีเท่านั้น 
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เรายังมีมุมมองบวกต่อทิศทางการลงทุนในเดือน พ.ย. จาก 1.ตลาดปรับตัวสะท้อนผลประกอบการที่อ่อนแอไปแล้ว เนื่องจาก preview งบ Q3/68 ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ให้ภาพกำไรสุทธิเป็นกลางถึงชะลอตัว ทำให้แรงขาย sell on fact หรือ ขายปรับพอร์ตเป็นไปอย่างจำกัด ตรงกันข้ามจะเห็นการดึง position กลับทันทีหลังจากที่บริษัทเหล่านั้นแจ้งงบผ่านตลาดฯ ไปแล้ว สอดคล้องกับราคาหุ้น SCC วานนี้ราคาหุ้นดีดตัวขึ้น 2.42% ทั้งที่แจ้งงบ Q3/68 ขาดทุนสุทธิ669 ล้านบาท 2.เดือน พ.ย. ปีนี้มีปัจจัยหนุนทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะ Trade deal ระหว่างจีนกับสหรัฐผ่อนคลายขึ้น โดยวานนี้สหรัฐบรรลุข้อตกลงการค้าเบื้องต้นกับจีนเกี่ยวกับแร่หายากและการลดภาษีเฟนทานิลช่วยสร้างบรรยากาศการค้าทั่วโลกกับมาสดใสและน่าจะผลักดันให้ภาคส่งออกไทยขยายตัวได้ต่อเนื่องสวนทางกับที่ตลาดกังวลจะเห็นการหดตัวแรงในช่วงปลายปีส่วนในประเทศมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐต่อเนื่อง ภาพของตลาดที่คาดหวังการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้าเป็นอีกหนึ่งจิตวิทยาบวกสำคัญต่อการลงทุนในช่วงที่เหลือของปีนี้การพักตัวของดัชนีจึงเป็นโอกาสในการเข้าสะสมคาดหวังการฟื้นตัวของดัชนีในช่วยปลายปีจนถึงต้นปีหน้า โดยอิงกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ อาทิค้าปลีก, ท่องเที่ยว, ไฟแนนซ์รวมถึงกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จาก Infra Tech จาก Data center และ AI Bloom 
|