จอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก และรองประธานคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของเฟดกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ สามารถปรับลดลงได้อีก โดยไม่ส่งผลกระทบต่อเป้าหมายเงินเฟ้อของเฟด และยังช่วยป้องกันความเสี่ยงต่อการชะลอตัวของตลาดแรงงาน ความคิดเห็นดังกล่าวส่งผลให้ตลาดปรับเพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 9–10 ธ.ค. แม้ผู้กำหนดนโยบายคนอื่น ๆ จะยังยืนยันว่า ควรตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิม เพื่อให้แน่ใจว่าเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนข้างหน้า วิลเลียมส์กล่าวในการประชุมซึ่งจัดโดยธนาคารกลางชิลีว่า “ผมมองว่านโยบายการเงิน ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างตึงตัวเล็กน้อย จึงยังมีช่องว่างในการปรับลดเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้ เพื่อให้จุดยืนด้านนโยบายเข้าใกล้ระดับที่เป็นกลางมากขึ้น” ซึ่งถ้อยแถลงดังกล่าวทำให้นักลงทุน ปรับเพิ่มความเชื่อมั่นว่ามีโอกาสเกือบ 60% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในเดือนธ.ค. พลิกจากเดิมที่คาดว่าเฟดจะพักการลดดอกเบี้ย เนื่องจากกังวลเรื่องเงินเฟ้อ 
หลังการแสดงความคิดเห็นดังกล่าว ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ร่วงลงทันที อีกทั้งข้อมูลเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยังระบุว่าอัตราว่างงานเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นเป็น 4.4% จาก 4.3% ในเดือนก่อนหน้า โดยวิลเลียมส์กล่าวว่าตลาดแรงงานมีสัญญาณอ่อนตัวลง โดยอัตราว่างงานของเดือนก.ย. อยู่ในระดับใกล้ช่วงก่อนโควิด-19 ซึ่งตลาดแรงงานไม่ได้ร้อนแรงเกินไป พร้อมยอมรับว่า “ความคืบหน้าในการลดเงินเฟ้อชะงักไปชั่วคราว” โดยอัตราเงินเฟ้อยังสูงกว่าเป้าหมาย 2% แต่คาดว่าจะปรับลดลงเมื่อผลกระทบของภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นค่อย ๆ ส่งผ่านในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดจำเป็นต้องบรรลุเป้าหมายด้านเงินเฟ้อโดยไม่สร้างความเสี่ยงเกินจำเป็นต่อเป้าหมายการจ้างงานสูงสุด อย่างไรก็ดี ความเห็นดังกล่าว เกิดขึ้นท่ามกลางการถกเถียงในหมู่เจ้าหน้าที่เฟดว่า ควรปรับลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. หรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่บางรายยังคงกังวลว่าเงินเฟ้ออยู่ในระดับสูงเกินไปสำหรับการผ่อนคลายนโยบายเพิ่มเติม โดยซูซาน คอลลินส์ ประธานเฟด สาขาบอสตัน มองว่านโยบายการเงินขณะนี้ อยู่ในระดับที่เหมาะสมท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยัง และยังไม่แน่ใจที่จะสนับสนุนการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม โดยระดับดอกเบี้ยปัจจุบันที่ 3.75%-4% ถือว่าตึงตัวปานกลาง และเหมาะสมกับการกดเงินเฟ้อให้ลดลงต่อไป ด้านลอรี โลแกน ประธานเฟด สาขาดัลลัส กล่าวว่า ควรตรึงดอกเบี้ยไว้อีกสักระยะ เพื่อประเมินผลกระทบของนโยบายการเงินต่อเศรษฐกิจ แม้เธอไม่มีสิทธิ์ลงคะแนนในปีนี้ แต่จะมีสิทธิ์ในปีหน้า ทั้งนี้ การถกเถียงเรื่องการลดดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ยังคงเกิดขึ้นในภาวะที่เฟดขาดข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญ เนื่องจากรายงานการจ้างงานและเงินเฟ้อ ถูกเลื่อนจากผลกระทบของการปิดทำการของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ที่ยืดเยื้อยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่มา Reuters 
|