EA เผยผลงานไตรมาส 3/68 มีกำไรสุทธิ 736 ล้านบาท พลิกมีกำไร ส่งสัญญาณฟื้นตัวของทุกธุรกิจหลัก พร้อมเปิด 3 โครงการ ยกระดับสู่ ผู้นำด้านพลังงานและระบบขนส่งสะอาดครบวงจร นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยว่า รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 พลิกกลับมามีกำไรสุทธิก่อนรายการพิเศษ 736 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่า 100% ทั้งเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนและปีก่อน สะท้อนการฟื้นตัวของทุกธุรกิจหลัก ทั้งพลังงานหมุนเวียน ไบโอดีเซล และยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หลังผ่านช่วงปรับโครงสร้างและบริหารต้นทุนทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
สำหรับในไตรมาส 3/2568 บริษัท มีรายได้รวม 3,704 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และมีกำไรสุทธิหลังรายการพิเศษ 263 ล้านบาท ตอกย้ำการฟื้นฐานธุรกิจที่มั่นคง และเตรียมเข้าสู่ ช่วงเติบโต (Growth Phase) อย่างเต็มรูปแบบ นายวสุ กล่าวว่า ด้านผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2568 ในรายธุรกิจ พบว่า ธุรกิจพลังงานหมุนเวียน (Renewable Power) รายได้ 2,339.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 344.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากการผลิตไฟฟ้าพลังงานลมที่สูงขึ้นตามฤดูกาล ธุรกิจไบโอดีเซลและกลีเซอรีนบริสุทธิ์ (Biodiesel & Glycerin) รายได้ 687.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 76.3 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากปริมาณรับจ้างผลิตน้ำมันไบโอดีเซล (B100) และยอดขายกลีเซอรีนที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (Commercial EVs) รายได้ 537.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 352.4 ล้านบาท (>100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน) และเพิ่มขึ้น 309.6 ล้านบาท (>100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากการส่งมอบรถเชิงพาณิชย์ที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ธุรกิจแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน (Battery & Energy Storage) รายได้ 89.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.9 ล้านบาท (>100% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน) ตามคำสั่งซื้อใหม่ แม้รายได้รวมยังลดลง 65% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรอบฐานที่สูงในปีก่อน นอกจากนี้ บริษัทได้ดำเนินการปรับปรุงรายการทางบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด (Non-Cash Items) รวมมูลค่า 1,797.7 ล้านบาท ได้แก่ 1.การรับรู้ผลขาดทุนจากการวัดมูลค่ายุติธรรมของส่วนได้เสียเดิมใน NEX Point ก่อนการรวมธุรกิจ 2.การตั้งสำรองผลขาดทุนจากลูกหนี้ของ Thai Smile Bus 3.การปรับโครงสร้างหุ้นกู้เพื่อยืดระยะเวลาชำระหนี้ ซึ่งเป็นรายการทางบัญชีเพียงครั้งเดียวตามมาตรฐาน TFRS 9 และไม่กระทบกระแสเงินสดโดยตรง ด้านฐานะการเงินแข็งแกร่ง พร้อมต่อยอดการเติบโต EA มี สินทรัพย์รวม 97,552 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานสุทธิ 6,417 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่งผลให้เงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 913 ล้านบาท ทั้งนี้บริษัทลดการใช้เงินลงทุนลงกว่า 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดการใช้เงินจากกิจกรรมจัดหาเงินลง 23% ทำให้ หนี้สินรวมลดลงเหลือ 56,860 ล้านบาท และ D/E Ratio ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นแตะ 40,693 ล้านบาท สะท้อนสถานะทางการเงินที่แข็งแรงและพร้อมขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาวก้าวต่อสู่ช่วงเติบโต (Growth Momentum Ahead) นายวสุ กล่าวว่า EA มุ่งขยายการลงทุนในโครงการยุทธศาสตร์เพื่อยกระดับสู่ ผู้นำด้านพลังงานและระบบขนส่งสะอาดครบวงจร (Integrated Clean Energy & Mobility Leader) โดยมีโครงการสำคัญที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ได้แก่ 1.โครงการโรงไฟฟ้าขยะ 2 แห่ง (จังหวัดภูเก็ตและปทุมธานี) และโครงการกำจัดขยะ 3 แห่ง (ภูเก็ต ปทุมธานี และพัทยา) เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหมุนเวียนและการจัดการของเสียครบวงจร 2.ระบบกักเก็บพลังงานขนาดใหญ่ (Battery Energy Storage System: BESS) 3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมใหม่ 2 โครงการ รวมประมาณ 180 MW ซึ่งอยู่ระหว่างขั้นตอนสุดท้ายของการเจรจาและ รอการลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) กับหน่วยงานภาครัฐ ส่วนธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า EA เดินหน้าขยายตลาดรถโดยสารและรถเพื่อการพาณิชย์ไฟฟ้า (E-Bus & E-Truck) ควบคู่กับการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน ระบบกักเก็บพลังงาน และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (Charging Station) เพื่อสร้างระบบนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า (EV Ecosystem) ครบวงจร ตั้งแต่การผลิตพลังงาน การจัดเก็บ การชาร์จ ไปจนถึงการใช้งานจริง “ผลประกอบการในไตรมาสนี้เป็นไปตามที่คาดไว้ โดย EA กลับมามีกำไรจากการดำเนินงานตามสัญญา และกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงเติบโตอย่างมั่นคงในปี 2569”นายวสุ กล่าว |