ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดผสมผสานในวันศุกร์ ( 14 พ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดร่วง 309.74 จุด หลังนักลงทุนจับตารายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Nvidia ที่มีกำหนดเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ รวมไปถึงความกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมนโยบายทางการเงินประจำเดือนธ.ค. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 47,147.48 จุด ลดลง 309.74 จุด หรือ 0.65% ดัชนี S&P 500 ปิดที่ 6,734.11 จุด ลดลง 3.38 จุด หรือ 0.05% และดัชนีแนสแดค ปิดที่ 22,900.59 จุด เพิ่มขึ้น 30.23 จุด หรือ 0.13% ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา ดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนดัชนีแนสแดค ลดลง 0.5% บรรยากาศการซื้อขายเมื่อวันศุกร์เป็นไปอย่างผันผวน ดัชนีแนสแดคพลิกกลับมาปิดในแดนบวก ขณะที่ดัชนี S&P 500 อ่อนตัวลงเล็กน้อย หลังถูกกดดันจากแรงขายในช่วงเช้า ทำให้ทั้ง 3 ดัชนีร่วงลงมากกว่า 1% ในการซื้อขายระหว่างวัน โดยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา นักลงทุนต่างรู้สึกวิตกกังวลเกี่ยวกับช่วงเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) รวมถึงมูลค่าหุ้นกลุ่มปัญญาประดิษฐ์ (AI) ขนาดใหญ่ ที่อยู่ในระดับสูง และเป็นแรงขับเคลื่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เครื่องมือ FedWatch ของ CME บ่งชี้ว่า ความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค. อ่อนตัวลงอย่างมาก โดยเหลือต่ำกว่าระดับ 50% จากระดับ 67% เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังมีสัญญาณเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ ซึ่งถูกกระตุ้นจากนโยบายเก็บภาษีศุลกากรทั่วโลกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเจฟฟรีย์ ชมิด ประธานเฟด สาขาแคนซัส ซิตี้ ระบุว่า ความกังวลเรื่องเงินเฟ้อที่ร้อนแรงเกินไป ไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะผลกระทบของภาษีนำเข้า พร้อมส่งสัญญาณว่าเขาอาจลงมติคัดค้านอีกครั้ง หากเฟดเลือกปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธ.ค. โดยเขาเป็น 1 ใน 2 คณะกรรมการ ที่คัดค้านการลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนต.ค.ที่ผ่านมา 
บรรดานักลงทุนต่างจับตารายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันพุธ เพื่อประเมินว่าการแข่งขันในตลาด AI ยังคงร้อนแรงต่อเนื่องหรือเริ่มชะลอตัว โดยหุ้น Nvidia, Palantir และ Microsoft ต่างปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่า 1% เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ไมค์ ดิกสัน หัวหน้าฝ่ายวิจัยและกลยุทธ์การซื้อขายเชิงปริมาณของ Horizon Investments ระบุว่า หาก Nvidia ทำผลงานได้ต่ำกว่าคาด อาจทำให้เกิดแรงเทขาย แต่คาดว่ากลุ่มนักลงทุนพร้อมเข้าซื้อเมื่อราคาย่อตัว หุ้น 7 กลุ่มจากทั้งหมด 11 กลุ่ม ที่คำนวณในดัชนี S&P 500 พบว่าปิดในแดนลบ โดยหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลงมากที่สุดที่ 1.18% ตามด้วยกลุ่มการเงินที่ลดลง 0.97% ด้านความเคลื่อนไหวของหุ้นรายตัว พบว่า หุ้น UnitedHealth ร่วง 3.2% และ Visa ลดลง 1.8% ซึ่งถ่วงดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบ ขณะที่หุ้น Warner Bros Discovery พุ่ง 4% หลังบริษัทปรับสัญญาจ้างเดวิด ซาสลาฟ (David Zaslav) ซีอีโอ ท่ามกลางการทบทวนกลยุทธ์ธุรกิจ และหุ้น Cidara Therapeutics พุ่งกว่า 100% หลัง Merck ประกาศเข้าซื้อกิจการ มูลค่าเกือบ 9,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงถูกกดดันจากความกังวลเรื่องแนวโน้มเงินเฟ้อและสัญญาณอ่อนแรงของตลาดแรงงาน ขณะที่การชัตดาวน์รัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งยาวนานเป็นประวัติการณ์ ทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจบางชุดอาจหายไปถาวร แม้รัฐบาลจะกลับมาเปิดทำการแล้วก็ตาม ที่มา Reuters 
|