บล.วีบูลล์ (ประเทศไทย) ตั้งเป้าปี 69 ดัน AUM ทะยานสู่ 4 หมื่นลบ.โต 4 เท่า จากสิ้นปีนี้ 1 หมื่นลบ. เพิ่มจำนวนลูกค้าอีก 3.5–4 แสนบัญชี มุ่งขยายบริการ Webull Prime,ลุยกองทุนรวม เพิ่มหุ้นต่างประเทศ หวังสร้างอาวุธการลงทุนให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงตลาดง่ายขึ้น ค่าคอมต่ำ เทรดหุ้นสหรัฐฯ ได้ 24 ชั่วโมง นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.วีบูลล์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า วีบูลล์เพิ่งเข้ามาให้บริการในไทยเมื่อพ.ค.67 แต่สามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว โดยล่าสุดมีบัญชีลูกค้าสะสมครบ 1 ล้านบัญชี และมีบัญชีแอคทีฟอยู่ที่ 350,000 บัญชี ตั้งเป้าปี 69 จะขยายจำนวนลูกค้าเพิ่มอีกเท่าตัว ราว 350,000–400,000 บัญชี ซึ่งจะผลักดันจำนวนบัญชีแอคทีฟเพิ่มเป็น 700,000–800,000 บัญชี กลุ่มลูกค้าในไทยมีอายุเฉลี่ย 32 ปี และ 50% อายุต่ำกว่า 30 ปี ซึ่งหลายคนไม่เคยซื้อหุ้นไทยมาก่อน 
ในปี 69 ตั้งเป้าการเติบโตแบบก้าวกระโดด คาดว่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) ขยายเป็น 40,000 ล้านบาท เติบโต 3–4 เท่า จากปีนี้คาด AUM จะแตะระดับ 10,000 ล้านบาท (รวมเงินบาท ดอลลาร์สหรัฐ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ) ขณะที่ฐานลูกค้ากลุ่ม Prime ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 200 ราย จากปัจจุบัน 60 ราย รวมทั้งเพิ่มผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มอาวุธการลงทุนให้ลูกค้า ได้แก่ บริการ Webull Prime เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว และอยู่ระหว่างขยายฐานลูกค้า ,กองทุนรวม เตรียมเปิดให้บริการกลางปี 69 แม้มาร์จิ้นไม่สูง แต่ช่วยเพิ่ม AUM และลูกค้ามีแนวโน้มอยู่กับแพลตฟอร์มระยะยาว และขยายตลาดหุ้นต่างประเทศ เพิ่มการลงทุนในหุ้นฮ่องกงและหุ้นจีน จุดแข็งของวีบูลล์ คือนำระบบซื้อขายเดียวกับที่ใช้ในตลาดสหรัฐฯ มาให้บริการในไทย โดยมีจุดเด่นคือ เปิดบัญชีออนไลน์ได้ทันที ฝากเงินเท่าไรก็ได้ ซื้อหุ้นอเมริกาเริ่มต้นเพียง 1 ดอลลาร์ รองรับการซื้อขายแบบเศษหุ้น ซื้อขายหุ้นสหรัฐฯ ได้ 24 ชั่วโมง ทุกวัน ยกเว้นเสาร์–อาทิตย์ ด้านค่าธรรมเนียม คิดค่าคอมมิชชั่น 0.1% และมีระบบปัดเศษลงสำหรับคำสั่งขนาดเล็ก ทำให้บางรายการไม่เสียค่าคอม ดีลขนาดเล็กกว่า 4.99 ดอลลาร์ รวมถึงการทำ DCA อาจไม่ถูกคิดค่าธรรมเนียม ขณะที่ผลประกอบการ ไตรมาส 3/68 บริษัททำกำไร 7 เซนต์ต่อหุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้เพียง 2 เซนต์ ขณะที่รายได้และ AUM ทั่วโลกเติบโตเกือบเท่าตัวทุกปี นายชลเดช กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทย หุ้นหลายตัวมีปันผลระดับ 5–8% โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มแบงก์ ทำให้สามารถดึงนักลงทุนรุ่นใหม่กลับบ้านได้สำเร็จ และหุ้นไทยหลายตัวซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าเหมาะสม เป็นจังหวะดีของนักลงทุนรายใหม่ที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นพื้นฐานดีของไทย 
|