ก.ล.ต. เร่งประสานหน่วยงานต่างประเทศ ตรวจสอบผู้ถือหุ้นที่แท้จริง บจ.พัวพันแก๊งสแกมเมอร์ พร้อมเข้าหารือเลขาธิการ ปปง.เพื่อประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่าสำหรับความคืบหน้ากระบวนการตรวจสอบบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ที่เกี่ยวข้องกับการยึดและอายัดเครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (แก๊งสแกมเมอร์) โดยสิ่งที่สำนักงาน ก.ล.ต.ดูอยู่คือในส่วนของผู้ถือหุ้น เพราะการถือหุ้นจะมีการรายงานผ่านแบบ 246-2 ซึ่งเป็นการรายงานการถือหุ้นที่สะท้อนของผู้ถือหุ้นที่แท้จริง ซึ่งเวลาพูดเรื่อง 7 บริษัทไม่ได้เข้าตรวจสอบการประกอบกิจการของบริษัท แต่เป็นเรื่องในส่วนของผู้ถือหุ้น 
ทั้งนี้การดำเนินการในปัจจุบันมีการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่เกี่ยวข้องในส่วนที่สำนักงาน ก.ล.ต.มีอยู่ และข้อมูลที่ได้รับจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) รวมถึงมีการขอความร่วมมือจากหน่วยงานจากต่างประเทศ เพื่อประสานขอข้อมูลผู้เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้ลงทุนที่อยู่ในต่างประเทศในการตรวจสอบว่าผู้ที่ถือหุ้นแท้จริงคือใคร "ตามหลักเกณฑ์คนที่ต้องรายงานคือ คนที่เป็นเจ้าของหุ้น (คนที่ได้หุ้นหรือจัดหาหุ้น) ส่วนกรณีมีการใช้นอมินีนั้น คนที่ต้องรายงานก็คือผู้ถือหุ้นที่แท้จริง ทำให้สำนักงาน ก.ล.ต.ต้องประสานข้อมูลจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นเราจะไม่มีพื้นฐานในการไปตรวจสอบเรื่องนี้ต่อได้" นายธวัชชัย กล่าว นายธวัชชัย กล่าวต่อว่าในส่วนของ ก.ล.ต.มีเกณฑ์ในเรื่องแบบรายงานการได้มาหรือจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) ที่ต้องมีการเปิดเผยข้อมูลอยู่ในเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ซึ่งหากมีใครได้มาในหลักทรัพย์ระดับเกิน 5% ต้องรายงาน และยังมีเกณฑ์การรายงานสำหรับผู้ที่เข้าข่ายทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ (Trigger point) ที่ระดับ 25%, 50% และ 75% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด จะมีหน้าที่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ โดยการรายงานแบบ 246-2 และการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ มุ่งไปที่ตัวผู้ถือหุ้นว่ามีการซื้อหุ้นแตะระดับตามเกณฑ์หรือไม่และต้องเป็นผู้ถือหุ้นที่แท้จริงด้วย ไม่ใช่แค่ผู้ถือหุ้นเพียงในนาม จึงทำให้ประเด็นที่สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ดูแลจึงเป็นเรื่องนี้ "เรื่องนี้เป็นในส่วนของผู้ถือหุ้นว่ามีการรายงานการถือหุ้นถูกต้องไหม ซึ่ง ก.ล.ต.ยังไม่ได้บอกว่าใครผิดหรือถูก แต่ทางเราสงสัยก็ต้องเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งถ้าพบว่าไม่ผิดก็ไม่เป็นไร แต่หากพบการกระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งกรณีความผิดมีอยู่ 2 อย่างคือ 1.ไม่ทำรายงาน หรือ 2. ไม่ทำคำเสนอซื้อ" นายธวัชชัย กล่าว อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราอาจยังไม่สามารถพูดรายละเอียดลึกๆของการทำงานไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของการตรวจสอบทุกขั้นตอน แต่สิ่งที่ ก.ล.ต.ทำคือการรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องของโครงสร้างการถือหุ้นที่เรามีข้อสงสัยอยู่ และเนื่องจากกรณีที่มีผู้เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้ลงทุนที่อยู่ในต่างประเทศทางเราก็ไม่ได้มีข้อจำกัดว่าทำไม่ได้ เพราะสำนักงาน ก.ล.ต.ก็มีความร่วมมือหรือ MOU กับ ก.ล.ต.อื่นๆในต่างประเทศ ซึ่งจะมีการประสานงานกันต่อไป ส่วนช่วงเช้าวันนี้ ก.ล.ต. ได้เข้าหารือกับ เลขาธิการ ปปง. เพื่อติดตามและประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย ปปง. ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดีมากๆ เพราะได้รับข้อมูลเบื้องต้นมาแล้วและต้องมีการประเมินกันว่าข้อมูลที่ได้มาจะข้อมูลเพิ่มเติมอย่างไร และปัจจุบันทางทีมงานได้เริ่มทำงานกันแล้ว ซึ่งให้ความแน่ใจว่าสำนักงาน ก.ล.ต.ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ โดยเฉพาะการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียนในเรื่องโครงสร้างการถือหุ้นและการเปิดเผยข้อมูลผู้ถือหุ้นที่แท้จริง นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวว่าทางฝั่งบริษัทจดทะเบียน ก.ล.ต.ได้ดำเนินการอยู่ และสิ่งที่เราดำเนินการคือดูไปถึงโครงสร้างของตัวผู้ถือหุ้น และหากมีความจำเป็นต้องประสานงานเราก็ได้ประสานงานไปแล้ว และได้รับข้อมูลต่างๆเหล่านี้มา จึงอยากให้ความมั่นใจว่าไม่ได้เป็นเรื่องที่มีประเด็นขึ้นมา แล้วถึงบอกว่าเราทำอะไร แต่วันนี้ที่มาเพราะเนื่องจากตลาดทุนมีทั้งบริษัทจดทะเบียน นักลงทุน และผู้ระดมทุนจำนวนมาก จึงอยากให้เกิดความมั่นใจว่าประเด็นที่เป็นข้อสงสัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำอะไร โดยในฝั่งบริษัทจดทะเบียนเราดูว่าผู้ที่มีหน้าที่ในการรายงานหรือการทำคำเสนอซื้อ ซึ่งหากไม่ทำตามหน้าที่ก็ต้องดำเนินการกับผู้กระทำความผิด ซึ่งจะนำไปสู่การดำเนินการตามกฎหมาย โดย ก.ล.ต.ต้องมีข้อมูลและเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งยืนยันว่าสำนักงาน ก.ล.ต.ทำมาก่อนหน้านี้อยู่แล้ว แต่ที่เราไม่ออกมาพูดทุกวันไม่ใช่ว่าเราไม่ทำ ส่วนที่ ปปง.มีการแถลงเรื่องการอายัดทรัพย์กับผู้กระทำความผิดในที่มีกฎหมาย ปปง.ดูแลอยู่ จริงๆในหลังบ้านทาง ก.ล.ต.ได้มีการประสานกันอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เกิดความชัดเจนทางสำนักงานจึงส่งหนังสือไปขอรายละเอียดมา ซึ่งได้รับความร่วมมือที่ดี อนึ่งช่วงเช้าวันนี้ (4 ธ.ค.68) นางพรอนงค์ บุษราตระกูล เลขาธิการ ก.ล.ต.,นางวรัชญา ศรีมาจันทร์ รองเลขาธิการ,นายธวัชชัย พิทยโสภณ รองเลขาธิการ และนางสาวสุชา บุณยเนตร ผู้ช่วยเลขาธิการ เข้าหารือกับนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) นายวิทยา นีติธรรม ผู้ช่วยเลขาธิการ และคณะผู้บริหาร ปปง. เพื่อติดตามและประสานความร่วมมือเกี่ยวกับการยึดและอายัดทรัพย์เครือข่ายผู้กระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดย ปปง. ได้มอบข้อมูลเบื้องต้นตามที่ ก.ล.ต.ร้องขอ นอกจากนี้ยังมีการหารือเพื่อผลักดันการปรับปรุงกฎหมายและกฎเกณฑ์โดยเร็วเพื่อยกระดับการมีเครื่องมือในการตรวจสอบการทำธุรกรรมและการตรวจสอบเส้นทางเงินผ่านผู้ประกอบธุรกิจที่ทำหน้าที่ตัวกลาง (travel rule) การตรวจสอบผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง (ultimate-beneficiary) โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการจัดโครงสร้างในเชิงธุรกิจที่ซับซ้อน และการสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรฐานการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้า (KYC/CDD) เพื่อประโยชน์ของ ก.ล.ต. ในการตรวจสอบการฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับการครอบงำกิจการ และ ปปง. ในการตรวจสอบความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงินด้วย รวมทั้งเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพระหว่างทั้ง 2 หน่วยงานต่อไป |