ภาพตัวอักษรสีเหลืองที่มีคำว่า “Kospi 4,000” ปรากฏเด่นชัดบนจอขนาดยักษ์ที่ล้อมรอบอาคารตลาดหลักทรัพย์เกาหลี (Korea Exchange) ในเดือนพ.ย. หลังกลายเป็นสัญลักษณ์ของการพุ่งแรงอย่างเหนือความคาดหมายของตลาดหุ้นเกาหลีใต้ แต่สำหรับนักลงทุนบางราย นี่อาจยังเป็นสัญญาณเตือนเช่นกัน ดัชนีหุ้นเกาหลีใต้ พุ่งขึ้นแล้วถึง 61% นับตั้งแต่ต้นปี 2025 และกำลังจะทำผลงานดีที่สุดในรอบ 25 ปี จากระดับราว 2,400 จุดเมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่ง Kospi กลายเป็นดัชนีตลาดหุ้นขนาดใหญ่ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดในโลก เนื่องมาจากอานิสงส์กระแส AI และการปฏิรูประบบธรรมาภิบาลภาคธุรกิจครั้งใหญ่ แรงส่งในตลาดมาจากคำประกาศของประธานาธิบดี อี แจ-มยอง ที่ตั้งเป้าขับเคลื่อนดัชนี ไปถึงระดับ 5,000 จุด ซึ่งความเร็วของการพุ่งขึ้นครั้งนี้ ทำเอานักวิเคราะห์และผู้กำหนดนโยบายในวอลล์สตรีทถึงกับตะลึง และก่อให้เกิดคำถามต่อความยั่งยืน เนื่องจากแรงหนุนส่วนใหญ่ยังคงผูกกับหุ้น 2 ตัวคือ Samsung Electronics และ SK Hynix ความกังวลต่อมูลค่าหุ้นกลุ่ม AI ที่ร้อนแรงเกินไป ทำให้ตลาดหุ้นผันผวนหนักในช่วงที่ผ่านมา โดยดัชนีปรับตัวร่วงเกือบ 4% ในวันศุกร์ จากแรงเทขายทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนรายย่อยเร่งใช้มาร์จินเข้าซื้อจนทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยการปรับขึ้นต่อจากนี้ จะขึ้นอยู่กับว่าบริษัทใหญ่จะเดินหน้าปฏิรูปธรรมาภิบาลอย่างจริงจังเพียงใด และทางการจะผลักดันการเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน ซัม คอนราด ผู้จัดการกองทุนจาก Jupiter Fund Management กล่าวว่า “เราไม่อยากเพิ่มน้ำหนักการลงทุนมากไปกว่านี้” ขณะที่กองทุนต่างชาติกลับมาเป็นฝั่งขายสุทธิในเดือนนี้ ทำให้เดือน พ.ย. มีแนวโน้มเป็นหนึ่งในเดือนที่เงินไหลออกหนักที่สุดของปี 
ช่วงเวลาที่ประธานาธิบดีอี แจ-มยองของเกาหลีใต้ ประกาศเป้าดัชนี Kospi ครั้งแรก แทบไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้ เนื่องจากตลาดยังได้รับแรงกดดันจากเหตุประกาศกฎอัยการศึกเมื่อเดือนธ.ค.ปีก่อน ซึ่งยิ่งถ่วงให้ส่วนลดมูลค่าหุ้น (Korea Discount) จากปัญหาธรรมาภิบาลรุนแรงขึ้น แต่การประกาศดังกล่าว เกิดขึ้นพร้อมกับกระแส AI ทั่วโลก ทำให้ตลาดหุ้นเกาหลีใต้พลิกกลับอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา JPMorgan และ Citigroup ต่างปรับคาดการณ์ดัชนีขึ้น ซึ่ง JPMorgan มองฐานที่ 5,000 จุด ส่วน Citi คาด 5,500 จุด ภายในสิ้นปี 2026 ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังพยายามดึงเงินออกจากภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ร้อนแรงเกินไป โดยผู้บริหารระดับสูงของหน่วยงานกำกับการเงินถึงขั้นขายหนึ่งในอพาร์ตเมนต์พื้นที่ย่านกังนัม เพื่อนำเงินบางส่วนไปลงทุนใน ETF อย่างไรก็ตาม แม้ตลาดจะขึ้นมามาก แต่นักวิเคราะห์มองว่าวัฏจักรซูเปอร์ไซเคิลของชิปยังหนุนการเติบโตต่อไป โดย Samsung Electronics และ SK Hynix ยังซื้อขายที่ Forward P/E เพียง 10 เท่า และ 7 เท่า ต่ำกว่าหุ้นเทคโนโลยีเอเชียที่ 16 เท่า และต่ำกว่าหุ้น Nvidia ที่ 27 เท่า โจนาธาน ไพน์ส จาก Federated Hermes เชื่อว่า มูลค่าตลาดหุ้นเกาหลีอาจเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าหรือสามเท่า หากปัญหาที่ทำให้มูลค่าหุ้นเกาหลีถูกกว่าตลาดอื่น ได้รับการแก้ไข ทั้งนี้ นักลงทุนรายย่อยเริ่มย้ายเงินกลับสู่ตลาดในประเทศอีกครั้ง หากแนวโน้มนี้ดำเนินต่อ เดือน พ.ย. จะเป็นเดือนแรกที่เห็นเงินจากฝั่งรายย่อยไหลเข้านับตั้งแต่เม.ย. โดยยอดมาร์จินเทรดดิ้งเคลื่อนไหวอยู่แถว 26 ล้านล้านวอน (ราว 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตลอดเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 50% จาก 6 เดือนก่อน ขณะที่สัดส่วนการเพิ่มขึ้นของดัชนี Kospi เกือบครึ่งหนึ่งในปีนี้ ยังกระจุกอยู่แค่ Samsung กับ Hynix เท่านั้น ที่มา Bloomberg 
|