ERW ทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว เนื้อที่กว่า 2 ไร่ ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก มูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท เตรียมพัฒนาเป็นโรงแรม เพิ่มมูลค่าการลงทุนและขยายฐานลูกค้า บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของ บริษัทฯ ครั้งที่ 8/2568 เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทฯ เข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาว กับ บริษัท อัครศราภา จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน เพื่อเช่าที่ดินขนาด 2-0-41.8 ไร่ ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียงสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศก กรุงเทพมหานคร เพื่อพัฒนาเป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นไปตามแผนการและกลยุทธ์ การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ โดยมีระยะเวลาการเช่า 30 ปี (ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2572 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2602) และบริษัทฯ มีสิทธิต่อระยะเวลาการเช่าออกไปได้อีก 30 ปี นับจากวันครบกำหนดระยะเวลาการเช่า (ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2602 ถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2632) ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเข้าทำสัญญาเช่าที่ดินระยะยาวกับผู้ให้เช่าต่อไป โดยมูลค่าธุรกรรม มีมูลค่าปัจจุบันสุทธิโดยใช้สมมติฐานอัตรา คิดลดตามแนวปฏิบัติสำหรับตลาดเป็นมูลค่าประมาณ 1,242 ล้านบาท ให้กับผู้ให้เช่า ซึ่งตลอดระยะเวลาสัญญา เช่าที่ดิน บริษัทฯ ตกลงชำระค่าเช่ารายปีให้แก่ผู้ให้เช่าล่วงหน้าเป็นประจำทุกปี 
บริษัทฯ คาดว่าการเข้าทำธุรกรรมจะเสริมสร้างผลการดำเนินงานของบริษัทฯ เพิ่มมูลค่าการลงทุน และ ขยายฐานลูกค้า ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนให้แก่บริษัทฯ และก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นใน ระยะยาว นอกจากนี้ จะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ และสนับสนุนการลงทุนในโครงการอื่น ๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาอัตราการเติบโตและผลการดำเนินงานอย่างมีนัยสำคัญ ด้าน บล.ดาโอ (ประเทศไทย) มองเป็นกลางต่อ ERW โดยการเข้าทาสัญญาเช่าที่ดินระ ยะยาวใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสอโศกจะเริ่มในปี 2029E (เสร็จหลังจากโครงการที่พร้อมพงษ์ในปี 2028E) โดยจากการสอบถาม IR เปิดเผยว่า เป็นแผนการลงทุนของบริษัทที่ต้องการขยายโรงแรมระดับ Economy to Luxury ปีละ 1 แห่ง ซึ่งโครงการนี้คาดว่าจะสร้างเป็นโรงแรมระดับ Midscale และน่าจะมี 2 แบรนด์ในที่เดียว ขณะที่จะเป็น CAPEX ที่ราว 2 พันล้านบาท โดยจะกู้ธนาคารที่ราว 70% และจะมีการจ่าย upfront fee ก้อนแรกต่ากว่า 500 ล้านบาท (เป็นรายการในงบดุล) ซึ่งจะทาให้ Net D/E ในปี 2026E จะเพิ่มขึ้นเป็น 1.14x จาก 3Q25 ที่ 1.09x (Debt covenant ภายในบริษัทอยู่ที่ 2x) ขณะที่หลังจากสร้างเสร็จในปี 2029E จะมีการรับรู้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยและค่าเสื่อมฯในงบกาไรขาดทุน ซึ่งเรายังไม่ได้รวมในประมาณการ 
|