
วานนี้ (12 ก.ย.) Paul Atkins ประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้กล่าวถึงแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้โครงการ “Project Crypto”
โดย Atkins ระบุว่า หน่วยงานมีแผนพัฒนาระบบการจำแนกประเภทของโทเคน โดยจะยึดตามแนวทาง “Howey Test” ที่ใช้ตัดสินว่าสินทรัพย์นั้นเข้าข่ายหลักทรัพย์หรือไม่ พร้อมย้ำว่า อาจยกเลิกการใช้ “สัญญาการลงทุน” ที่เคยใช้พิจารณาเหรียญบางตัวว่าเป็นหลักทรัพย์ เมื่อโปรเจกต์พัฒนาไปถึงระดับหนึ่ง
ทั้งนี้ Atkins ยังกล่าวถึงความเห็นของ Hester Peirce กรรมาธิการ SEC ที่ระบุว่า “เมื่อสัญญาการลงทุนหมดอายุ โทเคนก็ยังสามารถซื้อขายต่อได้โดยไม่ต้องอยู่ภายใต้ข้อบังคับของ SEC อีกต่อไป”
Atkins เสริมว่า สินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภท เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ดิจิทัล, โทเคนเพื่อการใช้งาน, NFT และ network tokens อาจไม่เข้าข่ายเป็น “หลักทรัพย์” ในมุมมองของเขา แต่หากเป็น “Tokenized Securities” ก็ยังอยู่ภายใต้การกำกับของ SEC ตามเดิม
นอกจากนี้ ประธาน SEC ยังคาดว่า ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า SEC จะพิจารณาชุดข้อยกเว้นใหม่เพื่อเปิดทางให้มี “ระบบเสนอขายโทเคนที่ยืดหยุ่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น” โดยเฉพาะในกรณีของเหรียญที่มีลักษณะเป็นสัญญาการลงทุน
อย่างไรก็ตาม Atkins ย้ำว่า ท่าทีเปิดกว้างนี้ ไม่ได้หมายถึงการอ่อนข้อด้านการบังคับใช้กฎหมาย โดยชี้ชัดว่า “การฉ้อโกงก็คือการฉ้อโกง” และแม้ SEC จะดูแลเรื่องการหลอกลวงด้านหลักทรัพย์ หน่วยงานอื่นในรัฐบาลกลางก็มีหน้าที่คุ้มครองผู้บริโภคจากพฤติกรรมผิดกฎหมายเช่นกัน
ที่มา : cointelegraph
แปลและเรียบเรียง : สหรัฐ ฉัตราพงษ์