
Ethereum ประสบความสำเร็จอัปเกรดใหญ่ “Fusaka” โฟกัสแก้คอขวด L2 ด้วยระบบ “PeerDAS” ที่ให้โหนดตรวจสอบแค่ “บางส่วน” ของข้อมูล blob แทนการโหลดทั้งก้อน ช่วยลดต้นทุน–ลดภาระเครื่อง–เพิ่มสปีดชำระธุรกรรม ขณะที่ราคา ETH พุ่งแรงแซงกลุ่มบิ๊กแคป
ฉลุย! Ethereum อัปเกรด “Fusaka”
Ethereum เปิดใช้งานอัปเกรด “Fusaka” อย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ เวลา 21:49 UTC นับเป็นการอัปเดตโค้ดครั้งใหญ่ครั้งที่สองของปี 2025
Fusaka มาจากการผสานคำว่า Fulu (Consensus Layer) + Osaka (Execution Layer) โดย Consensus Layer คือชั้นตรวจสอบ–ยืนยันธุรกรรมและรักษาความปลอดภัยของเครือข่ายส่วน Execution Layer คือชั้นประมวลผลธุรกรรมและสมาร์ตคอนแทรกต์
หัวใจสำคัญของอัปเกรดครั้งนี้คือ “PeerDAS” ระบบใหม่ที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์ที่ตรวจสอบข้อมูล blob (ช่องทางพิเศษสำหรับเก็บข้อมูลของ L2) เพียง “บางส่วน” แทนการดาวน์โหลดทั้งชุดข้อมูลเหมือนแต่ก่อน ทำให้ลดภาระ CPU/แรม ลดต้นทุนการทำงาน และช่วยให้เครือข่ายรองรับธุรกรรมก้อนใหญ่จาก Layer-2 ได้เร็วขึ้น โดยตรงนี้ส่งผลบวกต่อค่าแก๊สที่ผูกกับกระบวนการตรวจสอบด้วย
ก่อนหน้านี้ L2 จะส่งข้อมูลธุรกรรมขึ้น Ethereum ในรูปแบบ blob ที่โหนดต้องโหลดทั้งก้อน ส่งผลให้เกิดคอขวด ชะลอเครือข่าย และเพิ่มต้นทุน แต่ PeerDAS แก้โจทย์นี้โดยปรับให้โหนดตรวจเฉพาะส่วนหนึ่งของข้อมูลเท่านั้น จึงเพิ่มความเร็วการตรวจสอบและลดภาระรวมของเครือข่าย
Fusaka ยังช่วยให้ผู้ประกอบการโหนดรายเล็กสามารถรันโหนดได้ง่ายขึ้น เพราะใช้ทรัพยากรน้อยลง แม้ผู้ให้บริการรายใหญ่ที่มีโหนดจำนวนมาก เช่น กลุ่ม staking pools อาจไม่ได้ประหยัดมากเท่ากลุ่มรายย่อย
Marius Van Der Wijden นักพัฒนาหลักของ Ethereum Foundation กล่าวว่า “ผลลัพธ์จากอัปเกรดครั้งนี้จะค่อย ๆ ปรากฏชัดในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพราะเราจะค่อย ๆ เพิ่มจำนวน blobs แบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อให้มั่นใจว่าเครือข่ายสามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้นได้อย่างปลอดภัย”
นักพัฒนา Ethereum เร่งเดินหน้าอัปเกรดในปีนี้เพื่อลบภาพจำเรื่องอัปเกรดล่าช้า ฟีเจอร์ที่เสี่ยงทำให้การฟอร์กล่าช้า เช่น ฟีเจอร์ที่ต้องวิจัยเพิ่มหรือมีความซับซ้อนสูง ทางทีมนักพัฒนาตัดออกทั้งหมด
“Fusaka เป็นสัญญาณชัดเจนว่า Ethereum เอาจริงกับการทำให้ Mainnet ทำงานได้เร็วขึ้นกว่าเดิม” Gabriel Trintinalia นักพัฒนาหลักของ Ethereum และวิศวกรจาก Consensys ระบุ
เจาะลึก Ethereum Fusaka : การอัปเกรดครั้งสำคัญ
ลองจินตนาการว่า Ethereum คือถนนเส้นหลัก (Layer-1) ส่วนธุรกรรมต่างๆ เปรียบเสมือนรถยนต์ที่สัญจรไปมา เมื่อรถยนต์หนาแน่นการจราจรก็ติดขัดทำให้การเดินทางช้าและมีค่าใช้จ่ายสูง การอัปเกรด “Fusaka” ก็เปรียบได้กับการขยายถนนไฮเวย์ครั้งใหญ่เพื่อรองรับ “รถ” (ธุรกรรม) ได้มากขึ้นแก้ปัญหารถติด
จริงๆ แล้วก่อนจะมาถึง การอัปเกรด “Fusaka” เครือข่าย Ethereum แก้ไขปัญหารถติดด้วยการสร้างทางด่วน (Layer-2) อย่าง Arbitrum, Optimism และ Base เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระ โดยการรวบรวมธุรกรรมจำนวนมาก “มาประมวลผลนอกเครือข่ายหลัก” จากนั้นส่งเพียง “สรุปข้อมูล” กลับไปบันทึกบน Ethereum (Layer-1)
แต่การบันทึกข้อมูลสรุปนี้ก็ยังมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูงอยู่ดี ทำให้ปี 2024 มีการอัปเกรด “Dencun” เพื่อเข้ามาช่วยลดต้นทุนด้วยการเปิดตัว “blobs” (ผ่าน EIP-4844 หรือที่เรียกว่า proto-danksharding) ซึ่งเป็นช่องทางพิเศษสำหรับเก็บข้อมูลของ L2s โดยเฉพาะ แต่ Fusaka จะเป็นการ “ติดเทอร์โบ” ให้กับ blobs เหล่านี้ ทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นไปอีกระดับอย่างก้าวกระโดด
และนี่คือเทคโนโลยีสำคัญที่จะทำให้การ “ติดเทอร์โบ” ครั้งนี้เป็นจริง
1.PeerDAS: หัวใจของการอัปเกรดที่เปลี่ยนเกม
PeerDAS (EIP-7594) คือเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดใน Fusaka ลองเปรียบเทียบการทำงานของมันเหมือนกับการที่ผู้ตรวจสอบคุณภาพสินค้าหลายๆ คนในโกดังขนาดใหญ่ แทนที่จะต้องเปิดดูสินค้าทุกชิ้นเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง (ซึ่งช้าและใช้แรงเยอะ) แต่จะใช้การสุ่มตรวจสินค้าคนละไม่กี่ชิ้น แต่ก็ยังสามารถมั่นใจได้ว่าสินค้าทั้งหมดในโกดังนั้นถูกต้อง ประโยชน์หลักของ PeerDAS คือ
Blob Parameter Only (BPO) Forks (EIP-7892) คือ กลไกที่เปรียบเสมือน “ช่องทางด่วนที่สามารถเพิ่มเลนได้อัตโนมัติตามความหนาแน่นของการจราจร” โดยไม่จำเป็นต้องปิดถนนเพื่อสร้างใหม่ทั้งหมด นี่คือการปรับปรุงที่สำคัญเพราะมันช่วยให้สามารถอัปเกรดความจุได้โดยไม่ก่อให้เกิดการหยุดชะงักทั่วทั้งเครือข่ายจากการทำ ‘hard fork’ เต็มรูปแบบ ทำให้ Ethereum คล่องตัวและตอบสนองต่อความต้องการได้ดียิ่งขึ้น
EIP-7951 จะทำให้ Ethereum รองรับระบบลายเซ็นดิจิทัล secp256r1 ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยระดับสูงที่ใช้ในเทคโนโลยีที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เช่น Apple Passkeys และฮาร์ดแวร์วอลเล็ตชั้นนำ ทำให้การใช้งานกระเป๋าเงินดิจิทัลปลอดภัยและง่ายดายยิ่งขึ้นสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่การยอมรับในวงกว้าง
Fusaka ในแผนการเดินทางของ Ethereum
เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนขึ้น มาดูกันว่า Fusaka อยู่ในตำแหน่งไหนบนแผนการเดินทางระยะยาวของ Ethereum ผ่านการอัปเกรดครั้งสำคัญต่างๆ
1.The Merge (2022): เปลี่ยนสู่ระบบ Proof-of-Stake ซึ่งลดการใช้พลังงานลงกว่า 99% และวางรากฐานสำหรับการขยายขนาดในอนาคต
2.Shanghai (2023): อนุญาตให้ถอนเหรียญที่ Stake ไว้ออกมาได้ ทำให้การ Staking มีสภาพคล่อง เพิ่มการมีส่วนร่วมและความปลอดภัยของเครือข่าย
3.Dencun (2024): เปิดตัว “Blobs” ผ่าน EIP-4844 (proto-danksharding) ซึ่งลดค่าธรรมเนียม L2 ลง 60-90% และเป็นการพิสูจน์แนวคิดการขยายขนาดข้อมูล
4.Pectra (2025): มุ่งเน้นไปที่การปรับปรุงประสบการณ์ Staking (EIP-7251) และ Account Abstraction (EIP-7702) เพื่อให้การใช้งานกระเป๋าเงินและ Staking มีความยืดหยุ่นมากขึ้น
5.Fusaka (ปลายปี 2025): ก้าวกระโดดครั้งใหญ่ของความจุข้อมูลและประสิทธิภาพของ Layer-2 ผ่านเทคโนโลยี PeerDAS
6.Glamsterdam (อนาคต 2026): การอัปเกรดครั้งต่อไปที่วางแผนไว้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
แต่การเดินทางยังไม่สิ้นสุดเพียงเท่านี้ ในอนาคตยังมีการเปลี่ยนแปลงทางสถาปัตยกรรมครั้งใหญ่อย่าง “Verkle Trees” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหา “State Bloat” (ข้อมูลสะสมในเครือข่าย) และทำให้การรันโหนดง่ายยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างการกระจายอำนาจในระยะยาว
ทั้งหมดนี้เป็นพัฒนาการทางเทคโนโลยีของเครือข่ายบล็อกเชน Ethereum ที่น่าจับตากันต่อไปในอนาคต
ราคา ETH ณ ขณะที่รายงานเพิ่มขึ้นเกือบ 5% เหนือ 3,000 ดอลลาร์เล็กน้อย ดีดตัวแรงกว่าเหรียญในกลุ่มท็อป 10 ที่บวกในช่วง 1-2% เท่านั้น
ที่มา : coindesk bitget.com galaxy.com ccn.com binance.com
รายงานและเรียบเรียง : ชัชชญา อังคุลี